Page 76 - การจัดการเรียนรู้บูรณาการ ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
P. 76

โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน



                     1.4.2 แอมโมเนีย
                     เป็นสารประกอบเคมีที่ประกอบด้วยธาตุไนโตรเจนและไฮโดรเจน โดยมีสูตรเคมีดังนี้ NH
                                                                                           3
          ที่ STP แอมโมเนียเป็นแก๊สมันเป็นพิษและกัดกร่อนวัสดุบางชนิด มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว โมเลกุลของ
          แอมโมเนียไม่แบนราบ แต่จะมีลักษณะถูกอัดเป็นทรงสี่หน้า (tetrahedron) หรือเรียกว่าพีระมิดฐาน
          สามเหลี่ยม ซึ่งเป็นข้อสมมติฐานของทฤษฎี VSEPR รูปร่างโมเลกุลลักษณะนี้โดยรวมจะมีลักษณะเป็น
          ไดโพล (dipole) และทำให้มันเป็นขั้ว ดังนั้นแอมโมเนียจึงละลายใน น้ำ ได้ดีมาก อะตอมไนโตรเจนในโมเลกุล

          จะมี อิเล็กตรอนคู่โดดเดี่ยว (lone electron pair) และทำให้แอมโมเนียมีฤทธิ์เป็น เบส ใน สารละลายน้ำ
                                                                                          +
         (aqueous solution) ที่ เป็นกรด หรือเป็นกลางมันสามารถจะมีพันธะกับ ไฮโดรเนียมไอออน (H O )
                                                                                        3
                                                                              +
          ปลดปล่อยโมเลกุลของน้ำ (H O) แล้วเกิดเป็นประจุบวกของแอมโมเนียมไอออน (NH ), ซึ่งรูปร่างปกติ
                                                                             4
                                 2
          ทรงสี่หน้าที่แอมโมเนียจะเกิด แอมโมเนียมไอออน จะขึ้นอยู่กับ pH ของ สารละลาย
                     1.4.3 ค่า DO คือค่าปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำเป็นลักษณะสำคัญที่จะบอกถึง
          ความเหมาะสมของน้ำมากน้อยเพียงใดต่อการดำรงชีวิตของสิ่งมีชีวิตในน้ำโดยขึ้นอยู่กับอุณหภูมิของน้ำ ความดัน
          บรรยากาศและสิ่งเจือปนในน้ำ ค่า DO ที่เหมาะสมในแหล่งน้ำที่จะศึกษานี้ควรมีค่าไม่น้อยกว่า 6.0 มิลลิกรัม
          ต่อลิตรซึ่งเป็นตัวกำหนดระบบนิเวศในแหล่งน้ำนั้นเป็นปัจจัยหลัก โดยเป็นหนึ่งในตัวกำหนดมลพิษในน้ำด้วย


          	      	   1.4.4 ค่า COD คือ ปริมาณ O  ที่ใช้ในการออกซิไดซ์ในการสลายสารอินทรีย์ด้วยสารเคมี
                                              2
          โดยใช้สารละลาย เช่น โพแทสเซียมไดโครเมต (K Cr O ) ในปริมาณมากเกินพอ ในสารละลายกรดซัลฟิวริก
                                               2 2 7
          ซึ่งสารอินทรีย์ในน้ำทั้งหมดทั้งที่จุลินทรีย์ย่อยสลายได้และย่อยสลายไม่ได้ก็จะถูกออกซิไดซ์ภายใต้ภาวะ

          ที่เป็นกรดและการให้ความร้อน โดยทั่วไปค่า COD จะมีค่ามากกว่า BOD เสมอ ดังนั้นค่า COD จึงเป็นตัวแปร
          ที่สำคัญตัวหนึ่งที่แสดงถึงความสกปรกของน้ำเสีย

          	      	   1.4.5 ค่า BOD เป็นปริมาณออกซิเจนที่จุลินทรีย์ต้องการใช้ในการย่อยสลายสารอินทรีย์ในน้ำ
          น้ำที่มีคุณภาพดี ควรมีค่า BOD ไม่เกิน 6 มิลลิกรัมต่อลิตร ถ้าค่า BOD สูงมากแสดงว่าน้ำนั้นเน่ามาก แหล่งน้ำ

          ที่มีค่า BOD สูงกว่า 100 มิลลิกรัมต่อลิตรจะจัดเป็นน้ำเน่าหรือน้ำเสียการหาค่า BOD หาได้โดยใช้แบคทีเรีย
          ย่อยสลายอินทรียสารซึ่งจะเป็นไปช้า ๆ ดังนั้นจึงต้องใช้เวลานานหลายสิบวัน

                 1.5 อุปกรณ์การวัดค่าสารในน้ำ

          	      	   1.5.1. Nitrate test kit (API)
                                                                               -
                     ชุดทดสอบน้ำแบบของเหลว สำหรับตรวจวัดหาปริมาณไนเตรท (Nitrate/NO ) ในน้ำ สามารถ
                                                                               3
          วัดระดับค่าไนเตรทได้ตั้งแต่ 0-160 ppm ใช้ทดสอบได้ 90 ครั้ง

                     1.5.2. Ammonia test kit(API)
                                                                                          +
                     ชุดทดสอบน้ำแบบของเหลว สำหรับตรวจวัดหาปริมาณแอมโมเนีย (Ammonia/NH /NH )
                                                                                     3   4
          ในน้ำ สามารถวัดระดับค่าไนเตรทได้ตั้งแต่ 0-8 ppm ใช้ทดสอบได้ 130 ครั้ง
   71   72   73   74   75   76   77   78   79   80   81