Page 22 - physics6
P. 22
8 บทที่ 18 | คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ฟิสิกส์ เล่ม 6 ฟิสิกส์ เล่ม 6 บทที่ 18 | คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า 9
ื
สนามแม่เหล็กของคล่นแม่เหล็กไฟฟ้า ดังรูป 18.3 ตามรายละเอียดในหนังสือเรียน จนสรุปได้ว่าการต่อ
ำ
ื
ำ
ำ
สายอากาศกับแหล่งกาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับข้างต้น ทาให้เกิดการเหน่ยวนาต่อเน่องระหว่างสนามแม่เหล็ก
ี
ั
ื
ี
และสนามไฟฟ้า เกิดเป็นคล่นแม่เหล็กไฟฟ้าแผ่ออกจากสายอากาศ การเปล่ยนแปลงสนามท้งสองมีเฟส
ตรงกัน กล่าวคือมีค่าเป็นศูนย์พร้อมกัน และมีค่าสูงสุดพร้อมกัน
จากน้นใช้รูป 18.4 นาอภิปรายเก่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทิศทางของสนามไฟฟ้า สนามแม่เหล็ก
ี
ำ
ั
และทิศทางความเร็วในการเคลื่อนที่ของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จนสรุปได้ว่าทิศทางของความเร็วในการเคลื่อนที่
ี
ั
ี
ิ
ื
ั
ั
ี
ิ
ของคล่นแม่เหล็กไฟฟ้าหาได้โดยใช้มือขวา ช้น้วท้งส่ไปตามทิศทางของสนามไฟฟ้า จากน้นวนน้วท้งส่ไป
ี
ิ
หาทิศทางของสนามแม่เหล็ก น้วหัวแม่มือจะช้ทิศทางของความเร็ว ดังน้นทิศทางสนามไฟฟ้าและทิศทาง
ั
สนามแม่เหล็กตั้งฉากกับทิศทางความเร็ว คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจึงเป็นคลื่นตามขวาง
ความรู้เพิ่มเติมสำาหรับครู
ื
การพิจาณากระแสไฟฟ้าในสายอากาศและสนามไฟฟ้าท่แผ่ออกจากสายอากาศเม่อต่อสาย
ี
อากาศกับแหล่งกำาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ
λ λ
y 4 y 4
- E + E
T P 3T
I x t = I x t =
P Q 4 Q 4
+ -
ก. ข.
รูป ทิศทางของกระแสไฟฟ้าในสายอากาศและสนามไฟฟ้าที่แผ่ออก
ทิศทางกระแสไฟฟ้าในตัวนำามีทิศทางเดียวกับสนามไฟฟ้าในตัวนำา แต่จากรูป ก. และ รูป ข. จะ
สังเกตเห็นว่าทิศทางของกระแสไฟฟ้า I มีทิศทางตรงข้ามกับสนามไฟฟ้า E ที่แผ่ออกจากตัวนำาที่
ตำาแหน่ง P ทั้งนี้เนื่องจากกระแสไฟฟ้าในสายอากาศ เกิดจากแหล่งกำาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่ง
จากรูป 18.3 ก. กระแสไฟฟ้า I มีทิศทางลง ทำาให้โลหะท่อนล่างมีประจุบวก ขณะที่โลหะท่อนบน
มีประจุลบ ที่ตำาแหน่ง P ใกล้สายอากาศจึงเกิดสนามไฟฟ้า E แผ่ออกภายนอกสายอากาศมีทิศทาง
ขึ้น จากรูป ข. พิจารณาได้ในทำานองเดียวกัน กระแสไฟฟ้า I มีทิศทางขึ้น สนามไฟฟ้า E ที่ตำาแหน่ง
P มีทิศทางลง เนื่องจากแหล่งกำาเนิดเป็นแหล่งกำาเนิดไฟฟ้ากระแสสลับจึงทำาให้การเคลื่อนที่ของ
อิเล็กตรอนในสายอากาศมีลักษณะเป็นการเคลื่อนที่แบบสั่นกลับไปกลับมา
สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

