Page 199 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 199
intramural นั้นจะลดโอกาสการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการช่วยเจริญพันธุ์ ประมาณร้อยละ 20-38 เท่านั้น ส่วนในเนื้องอก
(15)
ชนิด subserous ไม่มีผลต่อการตั้งครรภ์ด้วยวิธีการช่วยเจริญพันธุ์
2. การเปลี่ยนแปลงบริเวณ Endo-myometrial Junctional (EMJ) Zone
้
ิ
ู
บริเวณ 1/3 ด้านในของกลามเนื้อมดลกที่ตดกับเยื่อบุโพรงมดลูกจะมี macrophages, cytokine ต่าง ๆ
หลายชนิดที่มีหน้าที่สำคัญในการสร้างหลอดเลือดใหม่และกดการทำงานของ NK cells ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการ
ฝังตัวของตัวอ่อนในช่วง mid-luteal phase โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Interleukin 10 และ glycodelin ซึ่งเนื้องอก
ชนิด intramural และ submucosal นั้นจะมีผลทำให้ cytokine ทั้งสองนี้ ถูกชะล้างออกไปส่งผลต่อการฝังตัวของ
ตัวอ่อนอย่างมาก (16, 17)
3. Genetic
พบว่าในเนื้องอกชนิด submucosal (FIGO L0 to L2) และ intramural มีการแสดงออกของยีน
ั
HOXA10, HOXA 1, HOXA11 และ BTEB1 ที่เยื่อบุโพรงมดลูกลดลง ส่งผลต่อการฝังตวของตัวอ่อนได้และยัง
พบว่ามีการแสดงออกของยีนมากขึ้นหลังจากตัดเนื้องอกออกซึ่งทำให้โอกาสตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นได
้
(18)
ภาวะแทรกซ้อน (Complications)
(19)
หญิงตั้งครรภ์ที่มีเนื้องอกจะพบภาวะแทรกซ้อนได้ประมาณร้อยละ 10-40 ซึ่งอาจเป็นผลโดยตรงจาก
เนื้องอก เช่น เจ็บปวดจากภาวะเนื้องอกขาดเลือด การแท้งบุตร รกลอกตัวก่อนกำหนดคลอดก่อนกำหนด หรืออาจ
เป็นปัจจัยเสริมทำให้มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ ได้ เช่น ทารกผิดท่าทำให้เพิ่มโอกาสการผ่าตัดคลอด เสียเลือด
หลังคลอดและเกิดภาวะขาดออกซิเจนในทารกแรกเกิดได้ โดยภาวะแทรกซ้อนที่อาจพบได้นั้นอาจแตกต่างไปขึ้นกับ
้
ตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก ไดแก่
1. เนื้องอกขาดเลือดและบิดขั้ว (degeneration and torsion) (20, 21)
ื
พบได้ร้อยละ 8 ของเนื้องอกทั้งหมด และ อาการนำที่สำคัญคออาการปวด โดยในช่วงไตรมาสแรกของ
การตั้งครรภ์จะมีการเติบโตเนื้องอกอย่างรวดเร็วจากผลของฮอร์โมนเอสโตรเจน มีการสร้างหลอดเลือดไปเลี้ยงก้อน
มากขึ้นแต่จะไม่เป็นระเบียบ เมื่ออายุครรภ์มากขึ้นอาจทำให้เส้นเลือดนั้นถูกกดหรือเบยดบังทำให้เลอดไปเนื้องอก
ี
ื
ได้น้อยลงกว่าเดิม เป็นผลทำให้ขาดเลือดและมีการปล่อยสารพรอสตาแกลนดินทำให้มีอาการปวด
ส่วนการบิดขั้วนั้น พบได้น้อยมาก มันจะพบในเนื้องอกกลุ่ม pedunculated และ ไม่ได้รับการวินิจฉัย
มาก่อนการตั้งครรภ์โดยจะเกิดเมื่ออายุครรภ์เข้าสู่ไตรมาสที่สอง
Myoma uteri: Impact on pregnancy 183

