Page 139 - สาราสารกถา พระธรรมพุทธิมงคล เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี.
P. 139

96
                                   สาราสารกถา




          เป็นสมาธิ นานเข้าจะเป็นภาพเป็นแสง มันก็จะเห็น นานเข้าๆ

                                                             ั
          เราบริกรรมไว้ไม่ต้องหยุด ไม่ต้องตกอกตกใจ ให้รู้ว่าน่นคือนิมิต
                ื
                    ี
          บางเร่องท่มันจะต้องเกิดในสมถภาวนา แต่ว่ามันเกิดเพียงแค่
                         ี
                                                                   ิ
                              ั
                                 ี
                                 ่
                                                  ิ
          บริกรรมนิมิต น่คือข้นท ๑ เราเรียกว่า บรกรรมภาวนา ขณก-
          สมาธิ บริกรรมนิมิต พอบริกรรมนิมิตมันเกิดชัดเข้าๆ ถ้าเรา
                                                     ื
          เป็นนักปฏิบัติ จิตมันจะไปเกาะนิมิตเอง เม่อจิตไปเกาะนิมิต
          อารมณ์ท่เราเอามาบริกรรมว่า พุทโธ มันจะหลุด มันจะหายไป
                   ี
                              ี
                          ่
                          ี
                 ั
                ง้นในช่วงท ๒ ท่เราเรียกกันว่า อุปจารภาวนา น้ เราต้องท้ง
                                                           ี
                                                                     ิ
          บริกรรม ถ้าจิตมันไม่หลุดเอง เราต้องเลิกทันที บริกรรมไม่ได้
          ถ้าเราบริกรรมอยู่ มันจะได้แค่น้น เราต้องหยุดบริกรรมทันท     ี
                                          ั
          หยุดบริกรรมทาไม? อุปจารภาวนา ก็คือพยายามจับนิมิตให้มัน
                        �
                                               ิ
                               ี
                                                                ิ
                      ิ
          เกิด ให้มันน่ง นิมิตท่เราจะจับให้มันน่งได้แล้ว มันจะเร่มเป็น
                                             �
                                                                    ั
                                     ี
                              ี
          สมาธินานเข้า ช่วงน้แหละท่มันจะทาให้จิตของเราได้สมาธิข้น
                                                                 ี
          ท่ ๒ เรียกว่า อุปจารสมาธ คือมันใกล้จะเป็นสมาธิเต็มท่แล้ว
            ี
                                     ิ
                                           ุ
                            ิ
                อุปจารสมาธ ลักษณะของอปจารสมาธิ กหมายความว่า
                                                        ็
          จิตของเราน้มันเข้าไปจับอารมณ์น้นน่งแล้ว อารมณ์น้นจะน่งเฉย
                     ี
                                                           ั
                                          ั
                                             ิ
                                                                 ิ
                                                                ี
                          ิ
                       ั
          พออารมณ์น้นน่งเฉย จิตของเรายังไม่เป็นสมาธิเต็มท่หรอก
                                            ั
          เพียงแค่อุปจารสมาธิ เราจะจับนิมิตน่นเป็นเหมือนภาพน่ง ติดตา
                                                              ิ
          เราอยู่อย่างนั้น สิ่งที่เราจับได้นี่ เราเรียกกันว่า อุคคหนิมิต
                                                  ื
                          ั
                เพราะฉะน้น อุปจารภาวนาจึงไม่เน่องด้วยบริกรรม เรา
          พยายามจับนิมิตๆ อยู่ เป็นอุปจารสมาธิ นิมิตนั้นก็จะนิ่ง แล้ว
   134   135   136   137   138   139   140   141   142   143   144