Page 4 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 4

2

      การเคลื่อนย้ายของบรรพบุรุษไทย เป็นการหาดินแดนที่มีความอุดมสมบูรณ์เหมาะแกก่ ารสร้างบ้าน
แปลงเมือง คือ เหมาะสมทั้งการตั้งถิ่นฐาน การทำมาหากิน นี่คือมรดกสำคัญที่บรรพบุรุษไทยได้ให้แก่เรา
การเคลื่อนย้ายของบรรพบุรุษไทย ไม่ใช่เรื่องท่ีทำได้ง่ายหรอื ไม่มีอุปสรรค ดังที่กล่าวมาแล้วว่า ดินแดนที่เปน็
ประเทศไทยปัจจบุ ันมีผู้คนตั้งถิน่ ฐาน มีอาณาจักรของตนมาเป็นเวลานานแล้ว และในบางเวลายังมีอาณาจักร
อื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียง แผ่ขยายอำนาจเข้ามาด้วย ที่สำคัญ คืออาณาจักรขอม ซึ่งมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมือง
พระนคร (นครวัด) ซึ่งตั้งอยู่ในเขตจังหวัดเสียมราฐ ในราชอาณาจักรกัมพูชาปัจจุบัน ดังนั้นบรรพบุรุษไทย
ในระยะแรก ๆ ที่เคลื่อนย้ายลงมาก็ต้องยอมอยู่ภายใต้การปกครองของเจ้าของถิ่นเดิม หรือ ยอมอยู่ภายใต้
อำนาจของขอมเมื่อขอมแผ่ขยายอำนาจเข้ามา แต่เราก็พบวา่ บรรพบุรษุ ไทยเหล่านัน้ คิดถึงอิสรเสรขี องตนอยู่
ตลอดเวลา เม่ือใดท่มี ีโอกาสบรรพบรุ ุษไทยก็จะรวมกำลังขับไล่ผู้ปกครองต่างชาติออกไป แล้วปกครองตนเอง
ความรกั อสิ รเสรจี ึงเป็นคณุ ลักษณะประจำชาตขิ องคนไทยตราบจนถึงปจั จุบนั

      ในกลางพุทธศตวรรษที่ 18 ขอมได้แผ่อำนาจเข้ามายังดินแดนที่เป็นประเทศไทยปัจจุบันอีกครั้งหน่ึง
เพราะมีกษตั ริย์ที่เข้มแขง็ และมีความสามารถ คอื พระเจ้าชยั วรมนั ท่ี 7 (พ.ศ.1725-1761) ทำให้ขอมมีอำนาจ
เหนืออาณาจักรตา่ ง ๆ และคนไทยกต็ อ้ งอยภู่ ายใตก้ ารปกครองของขอมดว้ ย แต่คนไทยก็พยายามจะมีอิสรภาพ
อยู่เสมอ ซ่ึงกษัตริย์ขอมก็ทราบดี จึงใช้วิธกี ารผกู มดั น้ำใจของผ้นู ำคนไทย โดยยกพระราชธดิ า คือพระนางสิขร
มหาเทวี ให้อภิเษกกับพ่อขุนผาเมือง พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพ่อขุนศรีนาวนำถม ผู้นำชนชาติไทย
แถบลุ่มน้ำยมและน่าน พร้อมทั้งพระราชทานพระขรรค์ชยั ศรีและตำแหน่งอันเป็นเกียรติ คือ “กมรเต็งอญั ศรี
อินทรปตินทราทิตย์” ให้พ่อขุนผาเมืองอีกด้วย แต่ผู้นำของไทยก็ไม่ได้หลงชื่นชมสิ่งที่กษัตริย์ขอมมอบให้
กลบั รวมรวมกำลังกนั ขับไล่อำนาจของขอมออกไปไดส้ ำเร็จและตง้ั อาณาจักรสุโขทัยข้นึ เมอ่ื พ.ศ. 1792
หลักการรบและการสงครามในอดีตของไทย หลักการรบของไทย (ยทุ ธวธิ ไี ทย)

      ทหารในสมัยโบราณ มี 2 สมยั
       1. สมัยสโุ ขทัย เรมิ่ ตน้ ราว พ.ศ. 1800- 1921

         การแบง่ พ้ืนท่ีการปกครอง การปอ้ งกนั เมอื ง การเตรียมพล การแบง่ กองทหาร การจดั หน่วยทหาร
       2. สมยั ศรอี ยธุ ยา เรม่ิ ตน้ ราว พ.ศ. 1893 – 2310

         ระเบียบแบบแผนของกองทัพบกไทย ส่วนมากจะมาจากอินเดีย ตามคติพราหมณ์ โดยแบ่งทหาร
ออกเป็น 4 เหล่า เรียกวา่ จตรุ งคเสนา คอื

      เหล่า พลเท้า (ทหารราบ) เรียก พลานึก พลเท้าเป็นหน่วยหลกั ของกองทัพ มีจำนวนมากกว่าเหล่า
อื่น ๆ ลกั ษณะทหารพลเทา้ ในสมยั โบราณ คือ ตวั สูง ตาแดง ผมงอ หูใหญ่ จรแหลม คาง หนวด รอ่ งฟนั ฝ่าตีน
สั้น น่องใหญ่ ท้องใหญ่ ใจเหี้ยม เนื้อเป็นก้อน ตะโพกผาย ตาหูไว หลังใหญ่ เจรจาฉะฉาน ต้องมาจากชาย
ฉกรรจ์ เรียกว่า พลสกันลำเครื่อง เด็กหนุ่มอายุ 18 ปีขึ้นไป ต้องไปเป็นพวก เลขสม เลขสัก สังกัดเป็นหมู่
หมวด สามารถเรยี กตวั ได้เมื่อเกดิ สงคราม ใครสังกดั หมู่ หมวดใด ถืออาวธุ อะไร กจ็ ดั หามาเองเสรจ็ และฝึกมา
เองตง้ั แตค่ รัง้ อย่ทู ่ีบา้ นด้วยตัวเองตามนิสยั ทต่ี นถนัดเมอื่ ทางราชการเรยี กเขา้ มากส็ ามารถทำการรบได้เลย เรียก
เข้าประจัญบานกบั ข้าศกึ อาวุธทหารเดินเท้า คือ มีด หอก แหลน หลาว ดาบสองมือ ดาบเขน ดาบตั้ง ดาบโล่
ปนื คาบศิลา ปนื ใหญ่
   1   2   3   4   5   6   7   8   9