Page 6 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 6

4

          - ช้างพระทนี่ ่ังกระโจมทอง เปน็ ช้างผูกสัปคับ กูบ (ประทนุ หลังช้าง) รูปเรือนวิมาน เป็นพระท่ีน่ัง
รองและใชป้ ระทับเวลารอนแรมในขบวนช้าง

          - ช้างโคตรแล่น เป็นช้างซับมนั เดินอยู่ท้ายขบวน เว้นระยะจากท้ายขบวนชั่วเสยี งสังข์เสยี งแตร
เพ่ือมใิ ห้อาละวาด

      พระคชาธารหรอื ช้างเครอื่ งม่นั เป็นชา้ งสำหรับแมท่ ัพขอ่ี อกรบ ถ้าแมท่ พั เปน็ กษตั รยิ ์ ช้างน้ีจะขนึ้ ระวาง
เป็นพระยาช้างต้น ประดับด้วยคชาธาร เศวตฉัตร พระแสงสรรพาวุธ กษัตริย์ประทับอยู่คอช้าง กลางช้างมี
จางวางกลมพระแสงต้น เรียกว่า กลางช้าง กลางช้างมีหน้าที่ คอยส่งอาวุธ และโบกแพนหางนกยูง
เป็นอาณัติสัญญาณตามพระราชดำรัสสั่ง ท้ายช้างมีควาญช้าง ท้ายช้างทำหน้าที่บังคับช้าง และช่วยช้างเมื่อ
ข้าศึกเข้ามาทางข้างหรือทางหลังช้างทรงนี้มีทหารประจำเท้าช้างเท้าละ 2 คน คนนอกถือหอก คนในถือดาบ
เรียกว่า จตรุ งคบาท โดยมากเปน็ ข้าราชการกรมพระตำรวจหลวง เลือกจากผู้มีฝีมือ ซอื่ สัตย์ ว่งิ เร็ว มีการแต่ง
กายช้างและคน

      เหล่า พลรถ เรียก รถานึก ลักษณะรถศึก คือ มีวงดุมทั้ง 4 เท่ากัน เสมอวงละ 1 วา เอาเหล็กหุ้มเอา
หนังเสอื ดาวจรุ ะ มีธงไชยประดับด้วยแก้วเงินทอง มีสำเนียงดจุ เสียงฟา้ ม้าเทียมรถอ้วนสมบรู ณ์

        ในยามสงครามพลรถมี 2 กอง คือ กองเกียกกาย กองยุกรบัตร มี เกวียน ระแทะ วัวต่าง คนต่าง
มหี นา้ ทข่ี นเสบียงและอาวุธยทุ โธปกรณ์และมีกองโขลงกระบือ ใชร้ บในทล่ี ่มุ ข้ามห้วยหนองคลองบึง

        ยามปกติพลรถมีหน้าที่
        - เกยี กกาย ทำหนา้ ท่ีเก่ียวกับอาหารเสบยี ง
        - กองยกุ รบตั ร ทำหน้าท่เี ก่ียวกบั อาวธุ ยุทโธปกรณ์
      ยงั มที หารอกี 2 เหล่า เข้ารว่ มรบดว้ ยอีก คอื
       1. เหล่าทหารช่าง เรียกวา่ ทหารชา่ งในไทย ทหารช่างน้ีไดม้ าจากกรมพระตำรวจหลวงซึ่งคัดมาจาก
เหล่าพลเดินเท้า ทำหน้าที่ทางช่างของกองทัพ เช่น ขุดคู สร้างป้อมค่าย หอรบ ขุดอุโมงค์ ทำสะพาน ต่อเรือ
ปลูกพลับพลา (ที่ประทับ) จัดรวมอยู่กับเหล่าพลเดนิ เท้า ทหารแต่ละคนคัดให้ทำหน้าที่ช่างตามความชำนาญ
ของตน
       2. เหล่าทหารปืนใหญ่ อยู่รวมกับพวกเดินเทา้ มหี น้าท่ี ทำการยิง เผาเรือน กับเผากำป่ัน
          ยิงเผาเรือน คือ ใช้ยัดดินแลว้ เอาผ้ามว้ นเข้าเท่าลูกกระสุนยัดเข้าไปให้ถงึ ดินแลว้ เอากระสุนเผาให้
แดง แล้วเอาคมี คบี ใส่
          ยิงเผากำปั่น ให้เอาผ้าชุบน้ำมันยางม้วนให้แน่น เอาตะปูน้อยๆตรึงให้รอบผ้าม้วนนั้น แล้วจึงยิง
เม่อื ถูกกำปน่ั ตะปูนั้นจะตดิ ประดจุ ตรงึ และใหป้ นื กระบอกอนื่ ตั้งจังก้ายิงคนที่จะออกมาดับอย่าใหด้ ับได้
      ในสมัยรัชกาลที่ 3 กรมพระราชวังบวรฯสมเด็จพระบวรเจ้ามหาศักดิ์พลเสพย์ กับคณะกรรมการ
ทรงชำระตำราพิชัยสงคราม โดยแบ่งออกเป็น 3 ภาค คอื
         ภาคที่ 1 วา่ ด้วยเหตแุ ห่งสงคราม
         ภาคที่ 2 วา่ ดว้ ยอุบายแหง่ สงคราม
         ภาคท่ี 3 วา่ ด้วยยุทธศาสตรแ์ ละยุทธวธิ ี
   1   2   3   4   5   6   7   8   9   10   11