Page 57 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 57

55

ส่งกำลงั หนนุ ไปในทศิ ทางใดๆได้สะดวก กองหนนุ แบบน้ีเรยี กวา่ แบบลกู กล้งิ คือมีความคล่องตัวที่จะยกไปช่วย
ได้ทุกทิศทาง

        6. การเลอื กพนื้ ทกี่ ารรบ (พ้ืนทีส่ ังหาร) ของกรมพระราชวงั บวรฯ ไปต้งั รับพมา่ ในพน้ื ท่เี หมาะสมทาง
ยุทธวิธี ตรงเชิงเขาที่จะลงสู่ทุ่งลาดหญ้า ทำให้กองทัพที่ 4, 5 ของพม่าหยุดชะงัก ไม่สามารถยกกำลังมาถึง
ทงุ่ ลาดหญ้าได้ ทำใหก้ องทพั ท่ี 6, 7 ของพมา่ ติดอยู่บนภูเขาสูงชนั อนั เปน็ ที่กันดาร ขาดเสบียง ถูกกองโจรฝ่าย
ไทยรบกวนตลอดเวลาจนอ่อนแรง ไม่สามารถนำกำลงั มาชว่ ยกองทพั กองทพั ท่ี 4, 5 ได้

        7. การระดมยิงปืนใหญ่โดยใช้กระสุนปืนไม้ ทำให้ลำกลอ้ งไม่ร้อน ยิงไดต้ ลอดเวลา ทำให้อำนาจการ
ยงิ มมี าก ฝา่ ยพมา่ ตั้งหลกั ไมไ่ ด้ เรียกว่าเรามีอำนาจการยงิ ตดั รอน ทำลาย รบกวน มากกว่าฝ่ายพมา่

      วเิ คราะห์การนำหลักการสงครามไปใช้ (ของฝ่ายไทย)
        1. หลักความมุ่งหมาย เนื่องจากฝ่ายพม่ามีกำลังมากกว่าไทยสองเท่าตัว ไทยจึงวางความมุ่งหมาย
ต้องเอาชนะต่อกำลงั พม่าทที่ งุ่ ลาดหญ้าซึง่ เปน็ กองทพั หลวงหลักมจี ำนวนมาก ระยะใกล้หัวใจของประเทศ โดย
ใหก้ ำลงั ฝ่ายไทยหนง่ึ กองทัพตรึงพมา่ ทางภาคเหนอื สว่ นภาคใต้ใหช้ ่วยตวั เอาไปก่อนแล้วจะนำกำลังมาช่วย
        2. หลักการรุก ฝ่ายไทยได้เคลื่อนที่รุกไปยึดภูมิประเทศที่เกื้อกูลต่อการปฏิบัติก่อน เมื่อทราบข่าว
ขนาดกำลัง และทิศทางเคลื่อนที่ของฝ่ายพมา่ ที่ทุ่งลาดหญา้ ไทยสามารถยึดแนวทุ่งลาดหญ้า และปิดช่องทาง
ที่พม่าจะเคลื่อนเข้ามาทุกช่องได้สำเร็จโดยใช้กำลังประกอบภูมิประเทศ เมื่อพม่าบอบช้ำอิดโรยฝ่ายไทย
กลับทำการรุก ทำลายกองทัพพม่าที่ทุ่งลาดหญ้าต้องถอยเข้าพม่าไป จากนั้นไทยรวมกำลังขับไล่พม่า
ทางภาคเหนือ และภาคใต้ถอยจากประเทศไทยไป
        3. หลักการรวมกำลัง ฝ่ายไทยแม้มีกำลังน้อยกว่าแต่สามารถรวมกำลังเป็นปึกแผ่น ณ ตำบล
ทุ่งลาดหญ้า และเวลาที่จะทำการรบแตกหัก โดยมีกำลังรบเหนือกว่าข้าศึก สามารถกลับทำการรุกเข้าโจมตี
พมา่ รนุ แรง และฉับพลนั ขณะท่ีพม่าอิดโรย เสยี ขวญั
        4. หลกั การออมกำลัง ไทยสง่ กำลงั เข้ายึดทงุ่ ลาดหญ้าก่อนที่พม่าจะมาถงึ หลายวนั และเคล่ือนกำลัง
ทางน้ำทำให้ร่างกายอ่อนแอและเป็นการปกปิดความลับ ได้พักผ่อนพอเพยี ง และวางกำลังปิดช่องทางที่พม่า
จะเคลื่อนที่เข้ามาท่ีกรุงเทพฯไทยยังเก็บกองหนุนไว้ 20,000 คน เพื่อแก้ไขเหตุการณ์ กำลังเคลื่อนท่ี
ได้ไปตีพม่าที่ล้อมเมืองลำปางได้สำเร็จหลักการดำเนินกลยุทธ์ ฝ่ายไทยเคลื่อนที่เพื่อเข้ายึดพื้นที่เกื้อกูล
จึงเคลื่อนที่เข้าหาข้าศึกแบบตั้งรับเชิงรุก (OFFEENSIVE DEFENSE) ยกกองทัพจากกรุงเทพฯโดยทางน้ำ
ถึงลาดหญ้าเพ่ือปกปิดกำลังไม่ใหก้ ำลังพลเหน็ดเหนื่อย ใช้เวลา 5 วัน ไทยถึงก่อนหนา้ 15 วัน มีเวลาพักผ่อน
และเตรียมการเต็มที่ และให้จัดให้พระยามหาโยธา (เจ่ง) คุมกองมอญ 3,000 คน ทำหน้าที่กองรักษาด่านรบ
(COMBAT POWER) สมัยนั้นเรียกขัตตาทัพอยู่ที่ด่านกรามช้าง เพื่อทำการแจ้งเตือน ทำการรบหน่วงเวลา
ต่อฝ่ายพม่า และจัดตั้งหน่วยกองโจรคอยซุ่มโจมตีพม่าที่ พุตระไคร้ เพื่อขัดขวางและซุ่มโจมตี การส่งเสบียง
ของข้าศึกที่จะมาทางลำน้ำ เมื่อพม่าเคลื่อนกำลังตามลำน้ำแควน้อยและเดินข้ามไปแม่น้ำแควใหญ่เพ่ือ
เข้าสู่ทุ่งลาดหญ้าจึงเกิดปะทะกับกองมอญของพระมหาโยธา พระมหาโยธามีกำลังน้อยกว่าสู้ไม่ได้
จึงรบพลางถอยพลาง กองทัพที่ 4 ฝ่ายพม่าไล่ติดตามกองมอญ พระมหาโยธาจึงนำกำลังไปรวมกับส่วนใหญ่
ทท่ี ุ่งลาดหญ้า เม่อื พม่ารุกไลม่ าถึงทงุ่ ลาดหญ้า กรมพระราชวงั บวรฯจงึ สงั่ ทหารซึ่งเตรียมการอยู่ก่อนแล้วเข้าตี
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62