Page 8 - version 4.2
P. 8
การศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติของการรักษาผู้ป่วยมาลาเรียชนิดไวแวกซ์ขั้นหายขาดอย่างเหมาะสม ฉบับที่ 4.2 วันที่ วันที่ 08 มีนาคม 2564
ด้วยยาทาฟีโนควินหรือไพรมาควินโดยใช้การตรวจวัดระดับเอนไซม์ G6PD เชิงปริมาณ ประเทศไทย
- จะมีการพัฒนาขั้นตอนวิธีมาตรฐานในการดำเนินการ (SOP) เพื่อตรวจหาผู้ป่วยว่ามีความ
เสี่ยงจะเกิดภาวะ AHA และคำแนะนำในการบำบัดเบื้องต้นสำผู้ป่วย AHA และการส่งต่อ
ผู้ป่วยไปโรงพยาบาลที่สามารถรับผู้ป่วยส่งต่อ
- กองโรคติดต่อนำโดยแมลงจะกระจายอุปกรณ์ตรวจเอนไซม์ G6PD และยา TQ ไปยังสถาน
บริการสาธารณสุขในโครงการฯ โดยใช้ระบบปกติที่ใช้กระจายยาและวัสดุที่ใช้ในการ
วินิจฉัยโรค ส่วนยา PQ และยารักษามาลาเรียชนิดอื่นเป็นยาที่มีอยู่แล้วในประเทศไทย
- ในช่วงทำการศึกษาผู้ดำเนินการศึกษาจะรับผู้ป่วยทุกรายซึ่งมีลักษณะเข้าหลักเกณฑ์การ
คัดเลือกผู้ป่วยเข้าในโครงการฯเพื่อลงทะเบียนไว้ในการศกษา
ึ
- ผู้ป่วยแต่ละราย หรือผู้แทนตามกฏหมาย (ในกรณีผู้เยาว์) จะต้องลงนามในใบยินยอม ซึ่ง
แสดงว่าผู้ป่วยยินยอมเข้าร่วมในการศึกษาโดยได้พิจารณาว่าผู้ป่วยจะได้รับยา TQ (หรือ PQ)
ขึ้นอยู่กับระดับเอนไซม์ที่เหมาะสม และอนุญาตให้ผู้ดำเนินการศึกษาใช้ข้อมูลซึ่งไม่ระบุตัว
บุคคล เพื่อการวิเคราะห์ได้
- กรณีผู้ป่วยที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ปกครองตามกฏหมายจะเป็นผู้ลงนามในใบยินยอมแทน
ผู้ป่วยอายุต่ำกว่า 18 ปี จะได้รับแบบใบเห็นพ้องไว้เป็นหลักฐานด้วย
- การศึกษานี้จะไม่มีการไปเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ระหว่างผู้ป่วยกับแพทย์ และไม่มี
ผลกระทบต่อการปฏิบัติงานตามปกติเกี่ยวกับการจ่ายยา หรือแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วย
นอกเหนือจากที่ระบุไว้เกี่ยวกับการรักษาขั้นหายขาดโรคไข้มาลาเรียชนิดเชื้อ P. vivax ด้วย
ยา TQ หรือ PQ
- เจ้าหน้าที่จะนัดให้ผู้ป่วยมาลาเรียชนิด P. vivax กลับมาเพื่อติดตามผลการรักษาในวันที่ 5
(Day 5, อนุญาตให้ติดตามได้ระหว่างวันที่ 4-6) หลังจากได้รับยารักษามาลาเรียมื้อแรกเมื่อ
เริ่มการรักษา (Day 1) ซึ่งจะเป็นการนัดปกติของจังหวัดยะลา เพิ่มเติมจากนโยบายติดตาม
ผู้ป่วยมาลาเรียชนิด P. vivax ตามปกติของประเทศไทย ซึ่งจะนัดผู้ป่วยมาลาเรียที่มีเชื้อชนิด
P. vivax กลับมาครั้งแรกในวันที่ 14 (Day 14, อนุญาตให้ติดตามได้ระหว่างวันที่ 13-16)
- ผู้ดำเนินการของโครงการฯจะเก็บข้อมูลผู้ป่วย ตามแผนการติดตามหลังการรักษาผู้ป่วย
ในวันแรกของการรักษา (Day 1) เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐาน (baseline) และในวันที่ 5 กับวันที่
14 ด้วย
- รายใดที่สงสัยว่าจะมีภาวะ AHA จะถูกส่งต่อไปยังโรงพยาบาลศูนย์ยะลาที่รับผู้ป่วยส่งต่อ
ซึ่งมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับวุฒิบัตรด้านโลหิตวิทยา และโรงพยาบาลนี้มีบริการเต็มรูปแบบ
ในการถ่ายโลหิต การล้างไต และอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ สำหรับการสอบสวนและการรักษา
หน้าที่ 8 จาก 63

