Page 19 - ประวัติศาสตร์ตุรกี
P. 19
บทน�ำ
ี
�
โลก แต่ในช่วงศตวรรษท่ 18 จักรวรรดิออตโตมันก็ได้สูญเสียอานาจเหนือ
พื้นที่ในเขตทะเลด�าและคอเคซัสให้แก่รัสเซีย ต่อมาในช่วงศตวรรษที่ 19
�
ั
ก็ได้สูญเสียอานาจให้แก่ประเทศบอลข่าน ซ่งกลุ่มดังกล่าวในช่วงน้น กรีก
ึ
ี
ี
ถือว่าเป็นประเทศท่ทรงอิทธิพลท่สุด ก่อนจะสูญเสียดินแดนให้กับการ
แย่งชิงจากกลุ่มประเทศอาหรับในช่วงศตวรรษท่ 20 โดยนับตั้งแต่ช่วง
ี
เวลาดังกล่าว กลุ่มประเทศในบอลข่านและภูมิภาคตะวันออกกลางได้
สร้างปัญหาให้กับโลกอย่างไม่ร้จักหมดส้น ทาให้ในปัจจุบนมีกระแสท ่ ี
�
ั
ู
ิ
หวนระลึกถึงอิทธิพลของจักรวรรดิออตโตมันไม่น้อยทีเดียว
บุรุษชาวอังกฤษเจ้าของสมญานาม “ลอว์เรนซ์แห่งอาระเบีย”
(Lawrence of Arabia) คือผู้ที่มีบทบาทส�าคัญในการผลักดันให้เกิดกบฏ
อาหรับ (Arab Revolt) ในปี ค.ศ. 1916 ซึ่งเป็นศัพท์ที่ชาวต่างชาติใช้เรียก
ั
ิ
เหตุการณ์ดังกล่าวในยามน้น แต่ชาวอาหรับเพ่งมาใช้คานั้นในระยะหลัง
�
ลอว์เรนซ์มองดูประเทศอิรักซ่งถูกอังกฤษเข้ายึดครองในปี ค.ศ. 1919
ึ
ี
ี
แล้วฉงนใจว่า เหตุใดพ้นท่แห่งน้จึงได้กลายเป็นสมรภูมิท่ทุกฝ่ายมุ่งเป้า
ี
ื
ั
เข่นฆ่ากันอย่างเอาจริงเอาจัง ท้งๆ ท่อังกฤษได้ส่งกองกาลัง 100,000
�
ี
นาย รวมถึงยุทโธปกรณ์มากมาย ทั้งรถถัง เครื่องบิน และก๊าซพิษ แต่ก็
ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ในขณะที่ก่อนหน้านั้น พวกเติร์กกลับ
สามารถรักษาสันติภาพในบัสรา (Basra) โมซุล (Mosul) และ เคอร์คุก
(Kirkuk) สามจังหวัดของอิรักที่อยู่ภายใต้จักรวรรดิออตโตมัน โดยอาศัย
ื
�
ี
กองกาลังของคนในพ้นท่เพียง 14,000 คน และมีการลงโทษประหารชีวิต
เพียงปีละ 90 รายเท่านั้น ซึ่งค�าถามเดียวกันนั้น ก็สามารถหมายรวมไป
ถึงปาเลสไตน์ด้วยก็ได้ เพราะหลังจากท่อังกฤษได้ใช้เวลา 30 ปีในการ
ี
ั
ิ
พยายามเจรจาสันตภาพระหว่างชาวยิวและชาวอาหรบโดยไม่ประสบ
ความสาเร็จ ในท่สุดอังกฤษก็ได้วางมือและปล่อยให้สหประชาชาติเข้ามา
ี
�
19
Turkey A Short History

