Page 43 - เอกสารประกอบการอบรม วิทยาศาสตร์
P. 43

2.2 แยกแยะได้ว่าประเด็นปัญหาหรือคำถามใดสามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์

                     2.3 เสนอวิธีสำรวจตรวจสอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดให้
                     2.4 ประเมินวิธีสำรวจตรวจสอบปัญหาทางวิทยาศาสตร์ที่กำหนดให้

                     2.5 บรรยายและประเมินวิธีการต่าง ๆ ที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการยืนยันถึงความน่าเชื่อถือของข้อมูล

               และความเป็นกลางและการสรุปอ้างอิง จากคำอธิบาย
                  3. การแปลความหมายข้อมูลและการใช้ประจักษ์พยานในเชิงวิทยาศาสตร์ (Interpret Data and

               Evidence Scientifically) บุคคลที่มีสมรรถนะการแปลความหมายข้อมูลและใช้ประจักษ์พยานในเชิง
               วิทยาศาสตร์ต้องแสดงออกถึงความสามารถในการตีความข้อมูลและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่มช่ในการสร้าง

               คำกล่าวอ้างหรือลงข้อสรุป นำเสนอข้อมูลที่ไดรับในรูปแบบอื่น เช่น ใช้คำพูดของตนเอง แผนภาพ หรือการ

               แสดงแทนอื่นๆ ได้ ซี่งสมรรถนะนี้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทางคณิตศาสตร์ในการวิเคราะห์หรือสรุปข้อมูลและใช้
               ความสามารถในกรใช้วิธีการพื้นฐานในการแปลงข้อมูลเป็นการแสดงแทนในรูปแบบอื่น ๆ นอกจากนี้ยังต้อง

               สร้างข้อสรุปที่สมเหตุสมผลบนพื้นฐานของประจักษ์พยาน ข้อมูล หรือประเมินข้อสรุปที่ผู้อทื่นสร้างขึ้นว่า
               สอดคล้องกบประจักษ์พยานที่มีหรือไม่ รวมถึงสามารถโต้แย้งอย่างมีสมเหตุสมผล โดยสรุป ผู้ที่มีสมรรถนะการ

               แปลความหมายข้อมูลและใช้ประจักษ์พยานเชิงวิทยาศาสตร์สามารถทำสิ่งต่อไปนี้

                     3.1 แปลงข้อมูลที่นำเสนอในรูปแบบหนึ่งไปสู่รูปแบบอื่น
                     3.2 วิเคราะห์และแปลความหมายข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ และลงข้อสรุป

                     3.3 ระบุข้อสันนิษฐาน ประจักษ์พยาน และเหตุผล ในเรื่องที่เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์

                     3.4 แยกแยะระหว่างข้อโต้แย้งที่มาจากประจักษ์พยานและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์ กับที่มาจากการ
               พิจารณาจากสิ่งอื่น

                     3.5 ประเมินข้อโต้แย้งทางวิทยาศาสตร์และประจักษ์พยานจากแหล่งที่มาที่หลากหลาย (เช่น
               หนังสือพิมพ์ อินเทอร์เน็ต และวารสาร)



               การประเมินการรู้เรื่องวิทยาศาสตร์ของ OECD/PISA กำหนดไว้นั้นคลอบคลุมความรู้ทางวิทยาศาสตร์ 3
               ด้าน ได้แก่ 1. ความรู้ด้านเนื้อหา (Content Knowledge) 2. ความรู้ด้านกระบวนการ (Procedural

               Knowledge) และ 3. ความรู้เกี่ยวกับการได้มาของความรู้ (Epistemic Knowledge)
                   1. ความรู้ด้านเนื้อหา เป็นความรู้เกี่ยวกับข้อเท็จจริง แนวความคิดหลัก แนวคิดและทฤษฎีเกี่ยวกับโลก

               ธรรมชาติ โดย PISA เลือกประเมินความรู้ในสาขาวิชาหลัก ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา และวิทยาศาสตร์โลก

               และอวกาศ
                   2. ความรู้ด้านกระบวนการ เป็นความรู้เกี่ยวกับกระบวนการที่นักวิทยาศาสตร์ใช้ในการสร้างความรู้

               วิทยาศาสตร์และเป็นความรู้ในเรื่องการปฏิบัติและแนวความคิดเกี่ยวกับการสืบเสาะหาความรู้ เช่นการ

               ตรวจสอบซ้ำเพื่อลดความผิดพลาดและความไม่แน่นอน การควบคุมตัวแปรและการมีกระบวนการมาตรฐาน
               เพื่อนำเสนอและสื่อสารข้อมูล





                วิทยาศาสตร์: วิเคราะห์ตัวชี้วัดการเรียนรู้และสมรรถนะ PISA                   หน้า 19 จาก 69

                                                           35
   38   39   40   41   42   43   44   45   46   47   48