Page 15 - คู่มือนิเทศ การขับเคลื่อนโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.
P. 15
15 12
ถือเป็นเพียงผลพลอยได้และน ามาใช้เป็นเครื่องมือในการประพฤติธรรม เช่น อาศัยลาภผลเป็นเครื่องมือในการ
บ าเพ็ญสาธารณประโยชน์อาศัยยศและความมีหน้ามีเกียรติในสังคมเป็นเครื่องมือในการจูงใจคนผู้เคารพนับถือ
เข้าหาธรรม
5. จริยธรรมสอนให้เราเลิกดูหมิ่นกดขี่คนจน ให้เอาใจใส่ดูแลเอื้ออาทรต่อผู้สูงอายุ ซึ่งเป็น บุพการีของ
ชาติ สอนให้เราถ่อมตัวเพื่อเข้าหากันได้ดีกับคนทั้งหลาย และไม่วางตัวโอหังอวดดีหรือ ก้าวร้าวผู้อื่น สอนให้เรา
ื่
ลดทิฏฐิมานะลงให้มาก ๆ เพอจะได้มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ตามความจริง ไม่หลง ส าคัญตัวว่ารู้ดีกว่า มี
ความสามารถกว่าใคร ผู้น าที่มีจริยธรรมสูงย่อมเป็นที่เคารพกราบไหว้ของผู้คน ทั้งหลายได้อย่างสนิทใจ เรา
ควรเลือกผู้น าที่สามารถน าความสงบสุขทางใจมาสู่มวลชนได้ด้วย เพอสันติ สุขจะเกิดขึ้นทั้งภายในและ
ื่
ภายนอก ความแข็งแกร่งทางก าลังกายก าลังทรัพย์และอาวุธนั้น ถ้าปราศจากความแข็งแกร่งทางจริยธรรมเสีย
แล้ว บุคคลหรือประเทศชาติจะมั่นคงอยู่ได้ไม่นาน สังคมที่เจริญมั่นคงต้องมีจริยธรรมเป็นเครื่องรับรองหรือ
เป็นแกนกลาง เหมือนถนนที่มั่นคงหรือตึกที่แข็งแรง เขาใช้คอนกรีตเสริมเหล็กแม้เหล็กจะไม่ปรากฏออกมาให้
เห็นภายนอก แต่มีความส าคัญอยู่ภายใน นายช่างย่อมรู้ดี ท านองเดียวกันกับบัณฑิตย่อมมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง
ว่าจริยธรรมมีความ ส าคัญในสังคมเพียงใด
2.4 แนวคิดการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมของโรงเรียนคุณธรรม สพฐ.
ทฤษฎีพัฒนาการทางจริยธรรมของโคลเบอร์ก (Kohlberg)
โคลเบอร์ก (Kohlberg, 1969, p.405) ได้ศึกษาพัฒนาการทางจริยธรรมโดยอาศัยทฤษฎี ของเพียเจท์
ื้
เป็นพนฐาน กลุ่มตัวอย่างเป็นทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ การศึกษาใช้ทั้งการสัมภาษณ์และ การเขียนตอบ โคล
เบอร์กได้จัดล าดับเหตุผลที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างเป็น 6 พวก แล้วท าการตรวจสอบหลายครั้ง จึงสรุปว่า
พัฒนาการทางจริยธรรมของคน 6 ขั้นของพัฒนาการทางจริยธรรม มีความสัมพันธ์กับอายุ และพัฒนาการทาง
สติปัญญา โคลเบอร์กก าหนดขั้นของจริยธรรมโดยถือจากกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ว่าอยู่ในระดับอายุนี้ให้เหตุผลมี
ลักษณะแบบนี้แต่ละขั้นจะแทนระบบความคิดซึ่งได้จากส่วนใหญ่ว่ามีกระบวนความคิดทางจริยธรรมอย่างไร
ั
แต่ละขั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของขั้นที่สูงขึ้นไป ขั้นที่สูงกว่าการแก้ปัญหามีหลักเกณฑ์ มีเหตุผลมากกว่าพฒนาการ
ทั้ง 6 ขั้น ดังนี้
ขั้นที่ 1 ขั้นหลบหลีกการลงโทษ (The Punishment and Obedience Orientation)
เด็กเล็กอายุต่ ากว่า 7 ขวบ ชอบใช้หลักการหลีกเลี่ยงมิให้ได้รับโทษ เป็นเหตุผลในการกระท าหรือเขา
ึ่
จะเลือกกระท าในทางที่เกิดประโยชน์แก่ตัวเองมากกว่า แต่เนื่องจากเด็กเล็กยังเป็นบุคคลที่ต้องพงพาและอยู่ใน
อานาจของผู้ใหญ่ จึงมีความจ าเป็นต้องเชื่อฟงค าสั่ง เด็กในระยะนี้เข้าใจค าว่า ความดีไปในความหมายว่า คือ
ั
สิ่งที่ท าแล้วไม่ถูกลงโทษ เช่น เด็กยอมแปรงฟนหลังรับประทานอาหารเพราะกลัวแม่ดุ ฉะนั้น การกระท าที่
ั
ถูกต้องจึงหมายถึงการเชื่อฟังผู้มีอานาจเหนือกว่าเหตุผลในการกระท าหรือไม่กระท าในสิ่งใดขึ้นอยู่กับการไม่ถูก
ลงโทษเป็นเรื่องส าคัญ

