Page 16 - นาวิกศาสตร์ ฉบับเดือนธันวาคม ๒๕๖๔
P. 16
ึ
ข้อมูลดังกล่าวได้มาจาก “ภาพถ่ายดาวเทียม” พลอากาศโท “กัส” ซ่งเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ
ึ
ื
และจากเคร่องบินจารกรรมเอสอาร์-71 (SR-71) กับแนวคิดดังกล่าวเกิด “ลางสังหรณ์” ข้นมาอย่าง
ึ
ื
หรือ “แบล็คเบิร์ด” (Black Bird) ขณะเดียวกัน กระทันหัน เม่อเขามองข้นไปบนท้องฟ้า และสังเกต
�
ก็มีผู้เสนอหนทางเลือกใหม่สาหรับการแก้ปัญหา เส้นทางบินของ “เฮอคิวลิส” ที่นักบินก�าลังรักษาอยู่
ื
�
�
้
�
นามันเช้อเพลิง คือการใช้ถุงขนาดใหญ่ทาด้วยยาง ท่านนายพลจึงตัดสินใจออกคาส่งด่วนให้นักบิน
ั
�
ื
ี
้
�
ิ
ี
ื
รูปร่างคล้าย “บอลลูน” เพ่อบรรจุนามันแล้วท้ง “เปล่ยนเข็ม” นาเคร่องออกห่างจากบริเวณท่หมู่
ี
่
ู
ลงไปยังจุดนัดพบท่อยู่กลางทะเลทราย (ในยุคน้น เฮลคอปเตอร์จอดรออย่ และสงการว่าการปล่อย
ั
ั
ิ
�
่
อเมริกันยังไม่สามารถพัฒนาเฮลิคอปเตอร์ให้เติมนามัน ร่มชชพทมถุงบรรจนามนเชอเพลงจะกระทาได้ก็ต่อเมอ
้
�
ุ
ู
ี
ิ
ื
้
�
ั
ื
่
ี
้
ี
กลางอากาศได้) ถุงบรรจุของเหลวดังกล่าวสามารถบรรจ ุ เส้นทางบินออกห่างจากบริเวณเป้าหมายแล้ว
ี
น�้ามันเชื้อเพลิงได้ถึง ๕๐๐ แกลลอน โดยจะมีปั๊ม และ นับเป็นเร่องอัศจรรย์อย่างย่งท่ความรู้สึก และลางสังหรณ์
ิ
ื
ื
กว้านติดอยู่ในตัว แต่ปัญหาก็ยังไม่หมดไป เพราะ ของท่านนายพลเป็นความจริง เพราะเม่อซี-130 ปล่อยร่ม
ึ
ื
อัตราความเร็วในการ “ปั๊มน�ามัน” ออกจากถุงเพ่อ ออกมา ได้บังเกิดข้อผิดพลาดข้น ท่ามกลางสายตา
้
ี
�
้
�
ื
ึ
ส่งเข้าถังใช้งานของอากาศยานยังช้าเกินไป ทาให้ นับร้อยคู่ท่จ้องมองถุงบรรจุถุงนามันเช้อเพลิงซ่งเกิด
ิ
่
ุ
�
ั
้
เฮลิคอปเตอร์ ต้องเสียเวลานานกว่าที่จะเติมน�้ามันเสร็จ อปสรรคร่มไม่กางถง ๑๐ ลก ทาให้ถงเหล่านนร่วงดง
ุ
ู
ึ
นอกจากนหากตาแหน่งท่ถุงบรรจนามนถกทงร่ม ลงสู่พ้นอย่างรวดเร็ว และเม่อถุงบรรจุนามันเช้อเพลิง
้
�
ื
ู
ื
ิ
ั
้
้
ี
ี
�
ื
�
้
ุ
ี
ลงมาคลาดเคล่อนจากเป้าหมายท่กาหนดไว้ หรือ ที่ปราศจาก “ร่มชูชีพ”กระแทกกับพื้น มันได้เกิดระเบิด
�
ื
เข้าไปติดค้างอยู่ในระหว่างก้อนหิน การเคล่อนย้าย ดังสนั่นพร้อมกับลูกไฟที่กระจายออกรอบทิศ
ื
ั
ออกมาจะกระทาได้ยากมาก เพราะในสภาวะปกต ิ หากนายพล “กัส” ไม่ส่งให้นักบินเปล่ยนเข็มใน
ี
�
ถุงบรรจุน�ามันขนาดใหญ่เช่นน้หากจะเคล่อนย้าย ช่วงสุดท้าย คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าเฮลิคอปเตอร์ท้งหมด
ื
ั
ี
้
ี
จะต้องใช้คนกลิ้งถึง ๑๐ คน ท่จอดรออยู่ในสภาพเหมือนปฏิบัติการจริงจะต้องถูกทาลาย
�
ั
นอกจากข้อจากดท่กล่าวมาแล้ว การใช้ถงบรรจ ุ แหลกเป็นจุณอย่างแน่นอน ผลการทดสอบอันล้มเหลว
�
ุ
ี
�
้
นามันเช้อเพลิงแล้วท้งจากเคร่องบินลงสู่พ้นก็ยัง ทาให้เจ้าหน้าท่เทคนิคต้องกลับไปหาหนทางแก้ไข
ี
ื
ื
�
ิ
ื
ิ
ิ
ไม่เคยมการ “ปฏบัตจรง” มาก่อน ดงน้น เพ่อให้เกด ข้อผิดพลาด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่เกิดกรณีดังกล่าวซ�้าอีก
ี
ิ
ื
ิ
ั
ั
ี
ั
ความแน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาด โดยเฉพาะในกรณีท ่ ี กระน้นก็ตาม ความกังวลใจของผู้ท่เห็นเหตุการณ์
ั
ู
ถงดงกล่าวถกกระแสลมพดพาเข้าไปกระแทกกับ ในวันทดสอบคร้งแรก ยังคงรบกวนความเช่อม่นของพวกเขา
ุ
ั
ั
ื
ั
ิ
ื
ี
ี
ี
เฮลิคอปเตอร์ท่จอดรออยู่ เจ้าหน้าท่ทุกฝ่ายท่เก่ยวข้อง จนในท่สุดหลายคนก็มีความเห็นว่าการท้งร่มเพ่อปล่อย
ี
ี
จึงเห็นชอบให้มีการทดสอบในสภาพ “เหมือนจริง” ถุงบรรจุน�้ามันเชื้อเพลิงสู่พื้นไม่น่าจะได้ผล
่
ี
ั
ี
ั
ทุกประการ หลายสปดาห์ผ่านไป เจ้าหน้าทเตรยมร่มได้พฒนา
ึ
�
สองสัปดาห์ต่อมา เฮลิคอปเตอร์แบบอาร์เอช-53 ดี เทคนิคในการปล่อยร่มแบบใหม่ ซ่งทาให้ม่นใจได้ว่า
ั
บินลงจอดอยู่บนพ้นรอคอยการเข้ามาของเคร่องบินซี-130 ร่มชูชีพจะกางอย่างสมบูรณ์ในทุกสถานการณ์ จากน้น
ั
ื
ื
ู
ั
“เฮอคิวลิส” (C-130 Hercules) ซ่งจะเป็นผู้ปล่อยถุง กได้มการทดลองปล่อยร่มชชพในลกษณะดงกล่าว
ึ
ี
ี
ั
็
บรรจุน�้ามันเชื้อเพลิงจ�านวน ๑๒ ถุง หลายครั้ง ซ�้าแล้วซ�้าเล่า
ึ
ั
ั
ิ
้
ั
พนเอก เบควท และนายทหารชนนายพลของ ในระหว่างการทดสอบคร้งหน่งท่ค่าย “ฟอร์ตแบรกก์”
ี
กองทัพอากาศได้เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ (Fort Bragg) เจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ซึ่งเคยท�าหน้าที่ควบคุม
ข้นตอนทดสอบคร้งสาคัญน้ด้วย แต่แล้วในช่วง การปฏบตภารกจทางอากาศให้กบเครองบินของซีไอเอ
ั
ั
่
ื
ิ
ิ
ิ
ั
ั
�
ี
เวลาสุดท้าย ขณะท่ซี-130 บินเข้าใกล้เป้าหมาย ในประเทศลาวระหว่างยุคสงครามเวียดนาม ได้ให้ข้อ
ี
นาวิกศาสตร์ 14
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๖๔

