Page 55 - นาวิกศาสตร์ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๔
P. 55
ี
ี
�
ึ
ิ
และปัญญาท่สูงส่งย่งข้น มีความเข้าใจในปรากฏการณ์ ในปี พ.ศ.๒๕๕๙ ได้มีการสารวจพบว่า ผู้ท่สาเร็จการ
�
ต่าง ๆ อย่างชัดตรงตามความเป็นจริง โดยเฉพาะในส่วน ศึกษาระดับปริญญาตรีหางานทาไม่ได้เกือบสองแสนคน
�
ื
ั
ั
ี
ี
ั
ี
ั
ท่เก่ยวข้องกับชีวิตจิตใจท้งของตนเองและผู้อ่น รวมท้ง ท้งท่ในช่วงเวลาน้นประเทศไทยขาดแคลนแรงงานใน
�
ี
ความเป็นไปในโลกปัจจุบันและอนาคต ทักษะทุกระดับ ผู้ท่ได้งานจานวนไม่น้อยต้องทางาน
�
่
ึ
อีกประการหน่งซ่งน่าจะมีความสาคัญสูงสุดก็คือ ตากว่าวุฒิการศึกษาของตน ซ่งสถาบันวิจัยเพ่อพัฒนา
ื
�
ึ
�
ึ
การศึกษาที่ดีมีคุณภาพ ท�าให้เรามีความสามารถสูงขึ้น ประเทศไทย หรือ TDRI (Thailand Development
ึ
ึ
ในการช่วยเหลือตนเอง พ่งพาตนเอง และสอนตนเอง ซ่งเป็น Research Institute) ได้วิเคราะห์ไว้ว่า มีเพียงราว ๑ ใน ๔
�
ี
�
ี
หนทางนาไปสู่การดาเนินชีวิตท่ถูกทานองคลองธรรม และ ของผู้ท่จบอาชีวะ และปริญญาตรีสายวิทย์ท่ได้ทางาน
ี
�
�
ี
ี
พ้นทุกข์ได้ในที่สุด ตรงกับสาขาท่ตนเรียนมา ในขณะท่สถาบันอนาคตไทย
จากแนวคิดข้างต้นจึงเห็นได้ค่อนข้างชัดเจนว่า ศึกษา (Thailand Future Foundation) เคยค้นพบว่า
การศึกษาของไทยเท่าท่ผ่านมายังเข้าถึงคุณค่าดังกล่าวได้ ราวร้อยละ ๔๐ ของผู้ท่จบปริญญาตรีได้ทางานเป็นเสมียน
�
ี
ี
ื
ี
เพียงผิวเผิน เพราะเราเน้นกันที่ความรู้ ความจ�า ซึ่งเป็น และพนักงานขายของ ปรากฏการณ์เหล่าน้เป็นเคร่องบ่งช ้ ี
ี
้
้
ู
�
ี
้
ี
้
่
เพยงประโยชน์เบองตน ผเรียนมหนาทรบฟงการถายทอด อย่างชัดเจนว่า ระบบการศึกษาของไทยจาเป็นต้องได้รับ
ื
ั
่
ั
ื
ความรู้จากครูผู้สอน ใครจาได้มากก็ทาข้อสอบได้คะแนน การปรับปรุงแก้ไขแบบยกเคร่องใหม่กันทีเดียว มีนักการ
�
�
สูง ได้รับการยกย่องเชิดชูว่าเป็นผู้เรียนดี เป็นคนเก่ง ได้ ศึกษาบางท่านกล่าวไว้ว่า การปฏิรูปคงไม่เพียงพอ ต้องใช้
เกียรตินิยมอันดับต่าง ๆ ไว้ช่วยเบิกทางในการหางานท�า การปฏิวัติคือ ร้อท้งระบบ และสร้างกันใหม่แบบลืมของเก่า
ั
ื
การพัฒนาทางความคิด และสติปัญญามีค่อนข้างน้อย กันทีเดียว
โดยเฉพาะในการศึกษาข้นพ้นฐาน (ระดับประถมและ ดร.สนตธาร เสถยรไทย ได้กล่าวไว้ตอนหน่งในหนังสือ
ี
ิ
ั
ึ
ั
ื
ี
ั
่
ุ
ั
ึ
มัธยม) ซึ่งยึดหลักสูตรแกนกลางที่ประกอบด้วย ๘ กลุ่ม Futuration เกยวกบแนวทางในการปรบปรงการศกษา
สาระวิชาเป็นหลัก ทาให้ขาดความยืดหยุ่นในการจัดการ เพื่อรองรับความต้องการของโลกยุค ๔.๐ โดยสรุปไว้ว่า
�
ี
เรียนการสอนของสถานศึกษาต่าง ๆ ไม่อาจแทรกเสริม “การจะอยู่รอดบนโลกใหม่น้ คนเราจะต้องมีคุณลักษณะ
ความรู้ท่ทันสมัย และมีประโยชน์สาหรับการนาไปใช้ หรือทักษะที่ส�าคัญสามประการ ดังนี้”
�
ี
�
ในอนาคตได้มากนัก ข้อแรก คือ เราต้องมีพ้นฐานด้านวิทยาศาสตร์
ื
�
สาหรับระดับอุดมศึกษาก็เน้นการแยกเรียนเป็นคณะ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์
ั
ยึดเน้อหาสาระของหลักสูตรท่กาหนดไว้เป็นตัวต้ง (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หรือ
ี
ื
�
มีความอ่อนตัวสาหรับผู้เรียนมากข้น ในการเลือกวิชา ที่เรียกกันย่อ ๆ ว่า STEM ที่เข้มแข็ง ความรู้ และหลักคิด
ึ
�
ที่ตนสนใจเพ่มเติมได้อีกส่วนหน่ง แต่ประโยชน์ท่ได้รับโดย ที่ได้จากวิชาเหล่านี้จะเป็น “หัวใจ” ที่ท�าให้เราสามารถ
ึ
ิ
ี
รวมแล้วก็ยังเน้นเร่องของความรู้ความจาเป็นส่วนใหญ่ ท�างานร่วมกัน และประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในยุค
ื
�
�
ไม่อาจนาไปใช้ในชีวิตจริงได้มากเท่าท่ควร โดยเฉพาะ ของหุ่นยนต์ได้ดีขึ้น ทั้งนี้ ดร.สันติธารฯ ได้อ้างค�ากล่าว
ี
ึ
ี
ในยุค ๔.๐ ซ่งมีความเปล่ยนแปลงอย่างผันผวนดังท่กล่าว ของอาจารย์ MIT ท่านหน่ง ท่พูดไว้อย่างน่าสนใจว่า
ี
ึ
ี
�
�
มาแล้ว ทาให้ผู้ท่สาเร็จการศึกษาจานวนมากไม่อาจหา “ทางรอดของเรา คือ อย่าไปแข่งกับหุ่นยนต์ แต่จงร่วมกัน
�
ี
ี
�
่
งานท่ดีทาได้ หรือได้งานท่ตากว่าวุฒิการศึกษาของตน กับหุ่นยนต์ แล้วจะก้าวไปได้ไกลว่าเดิม”
ี
�
ี
�
บ้างก็ทาอาชีพท่แทบไม่ได้ใช้ความรู้ท่เรียนมา นับเป็น ข้อสอง คือ “ทักษะพฤติกรรม หรือ Non-Cognitive
ี
ความสูญเปล่าอย่างมหาศาลท่ซ่อนอยู่ในระบบการศึกษา Skills” ซ่งเป็นทักษะอ่น ๆ ท่ไม่รวมอยู่ในการวัด IQ
ี
ึ
ี
ื
ของไทยตลอดมา หรือสติปัญญา เช่น EQ หรือทักษะทางอารมณ์ ทักษะ
นาวิกศาสตร์ 53
ปีที่ ๑๐๔ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ ๒๕๖๔

