Page 61 - นาวิกศาสตร์ เดือน ตุลาคม ๒๕๕๔
P. 61
๏ ตราพระคชสีห์ ๏ ตราปักษาวายุภักษ์
์
้
อย่างตราพระราชสีห์น้อยของเสนาบดีมหาดไทย ใชตราปักษาวายุภักษเป็นตราของกระทรวงการคลัง
นอกจากนี้ยังมีตราพระคชสีห์ ฝ่ายเหนือ ซึ่งใน ในพระธรรมนูญใช้ตราว่า “ตราปักษาวายุภักษ์ เป็น
พระธรรมนูญ ใช้ตรากล่าวว่า เป็นตราหลวงธรรมไตรโลก ตราของพระยาราชภักดี ฯ เจ้ากรมพระจำนวนซึ่ง
เสนาบดีศรีสมุหพระกลาโหม มีหน้าที่เกี่ยวกับภาษีอากร”
คชสีห์ เป็นลักษณะของราชสีห์ผสมกับช้าง (คช) เมื่อกระทรวงการคลังนำตรานกวายุภักษ์มาใช้
ซึ่งคติไทยถือว่า “ช้าง” เป็นสัตว์ประจำชาติใช้ใน เป็นตราของกระทรวงตามมติคณะรัฐมนตรีแล้ว
ราชสงคราม ดังนั้น ตราคชสีห์จึงสอดคล้องกับ บรรดาส่วนงานภายใต้การบังคับบัญชาจึงได้นำ
ข้าราชการที่ออกสงคราม อันหมายถึงทหารนั่นเอง รูปนกวายุภักษ์มาเป็นเครื่องหมายของกรม ตลอดจน
ซึ่งในสมัยกรุงศรีอยุธยานั้น ทั้งพลเรือนและทหาร รัฐวิสาหกิจบางแห่งด้วย นับได้ว่าเป็นตราที่ใช้กัน
ต่างต้องถูกเกณฑ์ไปราชการสงครามและรับราชการ กว้างขวางมากที่สุดตราหนึ่งในบรรดากระทรวง
เหมือนกัน สำคัญของประเทศ
คชสีห์ เป็นสัตว์ในวรรณคดี แสดงถึงความสมถะ กระทรวงการต่างประเทศ ตราบัวแก้ว
รักเกียรติ และสง่างาม ซึ่งเปรียบเสมือนข้าราชการ ตราบัวแก้วซึ่งเป็นรูปเทพยดานั่งในดอกบัว
กระทรวงการคลัง ตราปักษาวายุภักษ์ ถือดอกบัวข้างขวา ถือวชิระข้างซ้ายนั้น เป็นตรา
ในพระธรรมนูญใช้ตรากล่าวว่า “ตราเจ้าพระยา ของกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งใช้มาตั้งแต่
ศรีธรรมราชาโกษาธิบดี ใช้ตราบัวแก้ว” ซึ่งบัดนี้ กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
เป็นตรากระทรวงต่างประเทศ แต่ก่อนนี้การคลัง ตราบัวแก้วเป็นตราซึ่งเจ้าพระยาคลังใช้ประทับ
และการต่างประเทศอยู่รวมกันในรัชกาลที่ ๕ จัด ในเอกสารของกรมเจ้าท่าและที่เกี่ยวข้องกับ
ระเบียบการปกครองแยกหน้าที่ทั้งสองนี้ออกเป็น กระทรวงการต่างประเทศ เช่น สนธิสัญญาต่าง ๆ
คนละส่วน คือ ตั้งเป็นกระทรวง การต่างประเทศ ในปี พ.ศ.๒๔๑๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
ถือ “ตราบัวแก้ว” และกระทรวงพระคลังมหาสมบัติ เจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้แยก
ถือ “ตราพระสุริยมณฑล” ราชการด้านการคลังออกจากกรมท่า ตราบัวแก้ว
จนกระทั่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน จึงเป็นตราประจำตำแหน่งเสนาบดีจตุสดมภ์ กรมท่า
พ.ศ.๒๔๗๕ แล้วในปีรุ่งขึ้น คณะรัฐมนตรี จึงมีมติให้ และต่อมาเมื่อได้ทรง พระกรุณาโปรดเกล้า ฯ
นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๐59

