Page 58 - นาวิกศาสตร์ เดือน ตุลาคม ๒๕๕๔
P. 58

ก็แสดงความเป็นชาติเสือ ถูกทวนแทงก่อนตายยังใช้    จากมือขวามหาราชโดย  พันเอกหลักแก้ว

            ดาบฟันด้ามทวนพระนเรศวรจนดาบติดชักทวนกลับ       อัมโรสถ หน้า ๔๔ กล่าวไว้ว่า “พระเจ้าหงสาวดี

            ไม่ได้ เมื่อทหารทศอีกคนพุ่งเข้ามา คงจะเป็นมือสอง  ตั้งล้อมกรุงศรีอยุธยา  มาตั้งแต่เดือนยี่ (มกราคม)
            จากลักไวทำมู กะเข้ามาซ้ำต่อจากลักไวทำมู เมื่อลักไวทำมู  ปีจอ พ.ศ.๒๑๒๙ จนถึง เดือน ๖ ปีกุน (พฤษภาคม)
            พลาดถูกทวนแทง จึงพุ่งเข้ามาขณะที่ทวนสมเด็จ     พ.ศ.๒๑๓๐ เป็นเวลาถึง ๕ เดือน ตีไม่ได้กรุงศรีอยุธยา
            พระนเรศวรยังปักอกลักไวทำมู แค่เวลาเสี้ยววินาที   เห็นไพร่พลป่วยเจ็บล้มตายร่อยหรอลงทุกที ก็ท้อ
            ที่ทรงเปลี่ยนจากทวนเป็นดาบฆ่าทหารทศคนนั้น  พระทัย ดำรัสปรึกษานายทัพนายกองทั้งปวง
            การสู้รบกับลักไวทำมู  และทหารทศ  คงไม่ใช่แค่     เสนาบดีผู้ใหญ่จึงทูลว่า “กรุงศรีอยุธยานี้ภูมิฐาน
            เพลงเดียวก็ชนะ  คู่ต่อสู้ก็มือพระกาฬเหมือนกัน  มั่นคงนักจะตีเอาโดยเร็วนั้นมิได้  บัดนี้เข้าฤดูฝน


            พงศาวดารบางฉบับกล่าวว่าลักไวทำมูฟันพระแสง      จะตั้งทำการต่อไป  ไพร่พลก็จะลำบากยิ่งขึ้นทุกที
            ทวนบิ่น  แสดงว่าต้องสู้กันหลายเพลงการสู้รบใน   ควรจะถอยทัพกลับไปทำนุบำรุงรี้พลเสียสักคราวหนึ่ง

            ระยะประชิดบนหลังม้าเช่นนี้ นักรบจะต้องเชี่ยวชาญ  ต่อฤดูแล้งหน้าจึงค่อยยกมาตีใหม่ ถึงพระนเรศวร
            ทั้งการบังคับม้าให้เคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ผู้ขี่  กล้าในการศึก รี้พลมีน้อย รบรับขับเคี่ยวกันไปหลาย
            ต้องการ และมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธทั้งทวน   คราวเข้าก็คงหมดกำลังที่จะต่อสู้ (หวังให้ไทยอ่อนแรง
            และดาบ                                         เพราะคนน้อย)”
              ในกลุ่มทหารทศซึ่งเชี่ยวชาญการใช้อาวุธต่าง  ๆ    พระเจ้าหงสาวดีเห็นชอบด้วย จึงมีรับสั่งให้เตรียม
            กลุ่มนี้ใช้อาวุธยาว  รวมทั้งโล่  โตมร  หอก  ฯลฯ  ถอยทัพ ให้กองทัพพระมหาอุปราชา ซึ่งลงไปตั้งอยู่


            เตรียมมาจับเต็มที่ โดยเฉพาะอาวุธทำลายขาม้า  ที่สุดแนวข้างใต้ด้านตะวันออกถอยกลับไปก่อน

            แผนของลักไวทำมูใช้ทหารทศบางกลุ่มขวางม้า  ให้กองทัพพระเจ้าตองอูถอยกลับเป็นกองหลัง
            ของสมเด็จพระนเรศวร  ด้วยอาวุธพิเศษต่าง  ๆ    ยกที่ ๕ วันศุกร์แรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ (พฤษภาคม)


            เมื่อม้าเข้ามาอยู่ในที่ล้อมแล้ว ไม่สามารถถอยได้  ปีกุน พ.ศ.๒๑๓๐ สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพเรือไปที่
                                                                                                    ี
                                                                              ี
                                                                                             ุ
            ถ้าการสู้รบติดพันเนิ่นช้า  ม้าเริ่มเหนื่อย  ข้าศึก   บางกระดาน หมายจะตกองทพพระมหาอปราชาอก
                                                                                   ั
            เข้าใกล้จนทำลายขาม้าได้ ผู้ขี่อยู่บนหลังม้าก็อาจถูก  เห็นพระมหาอุปราชากำลังถอยทัพกลับไป  จึงได้

            จับเป็น  ชนิดต้องบาดเจ็บด้วย  งานนี้เป็นเพราะ  โจมตีกองหลังของพระมหาอุปราชา ก็ทรงทราบว่า
            บุญบารมีหรือฝีมือรบ  ในสนามรบ  มีบุญบารมี   พระเจ้าหงสาวดีจะถอยทัพ จึงรีบเสด็จกลับพระนคร
            อย่างเดียวไม่พอ ฝีมือรบสำคัญกว่า               รีบจัดกองทัพบกยกไปตั้งที่วัดเดช ตั้งค่ายขุดคูป้องกัน
              ยกที่ ๔  “กองทัพเรือ” วันจันทร์ แรม ๑๔ ค่ำ    ยกที่ ๖ “ฤทธิเดชเรือปืน” เมื่อขึ้น ๑ ค่ำเดือน ๗
            เดือน  ๕  ปีกุน  พ.ศ.๒๑๓๐  สมเด็จพระนเรศวร   ให้เอาปืนใหญ่ลงในเรือสำเภาขันฉ้อตามขึ้นไปหลายลำ

            ยกทัพเรือไปตีทัพพระมหาอุปราชา ที่บางขนอนตะนาว   ครั้งถึงวันพฤหัสบดี ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ (มิถุนายน)
            แตกพ่ายจนต้องถอยไปตั้งทัพอยู่ ณ บางกระดาน   พ.ศ.๒๑๓๐ ให้เอาปืนใหญ่ยิงค่ายพระเจ้าหงสาวดี

            (ขนอน คือ ด่านเก็บภาษีของทางราชการ)            ถูกผู้คนช้างม้าล้มตาย พระเจ้าหงสาวดีทนอยู่ไม่ได้
            พม่าถอยทัพ                                     ต้องรีบถอยทัพหลวงกลับขึ้นไปตั้งอยู่ที่ป่าโมก
              เมื่อกองทัพพม่าเริ่มขาดแคลนเสบียงอาหาร    เมื่อกองทัพพระเจ้าหงสาวดี ถอยกลับไปครั้งนั้น
            จนเกิดความเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้น  เพราะฝีมือกองโจร  สมเด็จพระนเรศวร ให้กองทัพยกติดตามตีข้าศึกไป
            ไทยกลุ่มต่าง ๆ สมเด็จพระนเรศวร ทราบก็ให้ทัพไทย  จนทะเลมหาราชทางหนึ่ง ส่วนสมเด็จพระนเรศวร

            ออกตีปล้นข้าศึกทั้งกลางวันกลางคืน มิให้อยู่เป็น  กับสมเด็จพระเอกาทศรถ ทรงยกทัพเรือตามตีทัพหลวง
            ปกติได้                                        ของพระเจ้าหงสาวดีขึ้นไปจนถึงป่าโมกอีกทางหนึ่ง


            ๐56    นาวิกศาสตร์  ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔
   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63