Page 57 - นาวิกศาสตร์ เดือน ตุลาคม ๒๕๕๔
P. 57

ที่มีความชำนาญในการใช้อาวุธ ๑๐ อย่าง รวมทั้ง  น่าจะลองคิดทบทวนดูว่า ควรเชิดชูวีรกรรม นี้หรือไม่

            มือเปล่า มีอาวุธในการทำลายขาม้า ขาช้าง ฯลฯ
            เพื่อจับเป็นคนขี่                              แผนล่อพญายม

                                                             เมื่อหน่วยรบพิเศษ นำโดยสมเด็จพระนเรศวร
            หน่วยรบพิเศษ จับเจ้าพยัคฆ์                     ออกไปซุ่มอยู่ที่ทุ่งลุมพลีนั้น  ฝ่ายพม่าลักไวทำมู

              เดือน ๔ แรม ๑๐ ค่ำปีจอ พ.ศ.๒๑๒๙ ห่างวัน      ผู้ได้รับมอบภารกิจจับเป็นพญายม ได้ตั้งกองสอดแนม
            ปล้นค่ายพระเจ้าหงสาวดี ๑๕ วันพอดี เป็นคืนข้างแรม  หาข่าวอยู่ตลอดเวลา จึงให้ทหารทศกองหนึ่งออกมา


            เดือนมืดเกือบสนิท ได้ฤกษ์ปล้นค่ายดีนัก สมเด็จ  รบล่อ สมเด็จพระนเรศวร เห็นข้าศึกมีกำลังน้อย
            พระนเรศวรจึงเสด็จนำกองทัพหน่วยรบเฉพาะกิจ  ก็นำกำลังเข้ารบพุ่งด้วยลำพัง ทหารม้า พวกพม่า

            และหน่วยทหารองครักษ์คู่ใจ  ที่ได้รับการฝึกมา   สู้พลางหนีพลาง แสร้งรบล่อให้ไล่ไปจนถึงที่ลักไวทำมู
            อย่างดี ออกไปตั้งซุ่มที่ทุ่งลุมพลี ตั้งใจจะปล้นค่าย  วางทหารซุ่มอยู่ทั้ง ๒ ข้างทาง
            พระเจ้าหงสาวดีซ้ำอีกครั้ง กะตีหัวใจกองทัพกันเลย
            “จับโจรต้องจับตัวนาย” ถ้าจับพระเจ้าหงสาวดีนันทบุเรง  บุญบารมีหรือฝีมือ
            มาได้เพียงพระองค์เดียว กองทัพพม่า มอญ หลาย       ลักไวทำมู  ได้นำทหารกรูกันออกมาโอบล้อม
            สิบหมื่น ก็ต้องยอมจำนนต่อกองทัพไทย นี่มิใช่แผน  ทหารม้าของไทย  ตัวลักไวทำมูเองขี่ม้าตรงมาที่
            ชิงตัวประกัน  แต่เป็นแผนบุกจับเจ้าพยัคฆ์ในถ้ำ  สมเด็จพระนเรศวร พร้อมทหารทศฝีมือดีกลุ่มหนึ่ง



            ที่มีพญาเสือล้อมรอบอยู่เต็มถ้ำ                 ต้องการจับเป็นสมเด็จพระนเรศวร  ตามคำสั่ง
              ผู้ที่เป็นทหารหน่วยรบพิเศษ ทุกเหล่าทัพอ่าน   พระเจ้าหงสาวดี  ลักไวทำมูขับม้าถือดาบเข้ามา
            มาถึงตอนนี้แล้ว รู้สึกอย่างไรบ้างครับ พระมหากษัตริย์  จะจับพระองค์  สมเด็จพระนเรศวรทรงแทงด้วย

            ที่เป็นจอมทัพ  นำทัพคนห้าสิบหมื่น  ย่อมจะต้อง  พระแสงทวน ถูกลักไวทำมูตาย แต่ลักไวทำมูก็ใช้ดาบ
            ล้อมรอบไปด้วยกำลังป้องกัน เหล่าองครักษ์ฝีมือ   ของตนฟันทวนของสมเด็จพระนเรศวรติดชักไม่ออก
            เยี่ยมนับพัน  แถมยังอยู่ในค่ายหลวง  ที่มีทหาร  เมื่อทหารทศคนหนึ่งพุ่งม้าเข้ามาจะทำร้ายพระองค์
            ป้องกันค่ายรายล้อมอยู่รอบนอกอีกตั้งหลายชั้นกว่า  ช่วยแก้ลักไวทำมู พระองค์จึงต้องใช้พระแสงดาบฟัน
            จะถึงตัวจอมทัพ แต่มหาวีรบุรุษนักรบกล้าของไทย   ทหารทศคนนั้นตายลงอีกคนหนึ่ง ทหารพม่าเห็น
            พระองค์หนึ่ง ผู้ที่พระนามของพระองค์ท่านอยู่ใน  ไทยน้อยตัวกว่า แม้หัวหน้าจะตายแล้ว แต่ภารกิจ
            จิตใจของคนไทย ทุกยุคทุกสมัยมาตลอดระยะเวลา  จับเป็นยังคงต้องปฏิบัติต่อไป จึงเข้ารุมล้อมสมเด็จ

            ๔๐๐  ปีเศษ  พระองค์กล้าที่จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย  พระนเรศวร และทหารม้าของไทยกลุ่มนั้น สู้รบกัน
            เป็นผู้บังคับบัญชาหน่วยรบพิเศษ กล้าตายหน่วยนี้  อยู่กว่าชั่วโมง หน่วยรบพิเศษของไทยที่เหลือจึงตาม

            ไปทำงานเสี่ยงตายที่ดูแล้วมีโอกาสสำเร็จเพียง ๑   มาทันและได้เข้าร่วมรบแก้ไขเอาสมเด็จพระนเรศวร

            ใน ๑๐,๐๐๐ เท่านั้น แต่พระองค์กล้าทำ เพื่อหวังรักษา  พร้อมทหารม้ากล้าตายกลุ่มนั้นออกจากที่ล้อม

            ชีวิตคนไทยที่อาจต้องตายจากการสงครามครั้งนี้  กลับคืนมาพระนครได้

            นับหมื่น  นับแสนคน  และ  ถ้าไทยแพ้ศึกอีกครั้ง    ทำไมลักไวทำมูจึงไม่ใช้ทวน พม่าเป็นชาติที่มี



            ก็คงจะดำรงความเป็นชาติ เอกราชขึ้นอีกไม่ได้แน่  ๆ  ความชำนาญในการใช้ทวนรบบนหลังม้า ส่วนมอญ
            พระองค์คือ “ผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษ  คนแรก     นั้นได้ชื่อว่าเชี่ยวชาญในการใช้เพลงดาบ โดยเฉพาะ
            ของชาติไทย” ที่แม้จนบัดนี้ก็ยังหาคนมาเทียบเทียม  ดาบสองมือ ลักไวทำมู อยู่บนหลังม้าถือดาบ อาวุธ
            ไม่ได้ ไม่ทราบว่ามีวันหน่วยรบพิเศษของชาติไทย   ของตนจึงสั้นกว่าทวนอาวุธของสมเด็จพระนเรศวร

            หรือยัง ถ้ายังไม่มีหน่วยรบพิเศษของทั้ง ๓ เหล่าทัพ  หรือลักไวทำมู เป็นทหารเอกชนิดขุนดาบ แต่ลักไวทำมู

                                                               นาวิกศาสตร์  ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๐55
   52   53   54   55   56   57   58   59   60   61   62