Page 56 - นาวิกศาสตร์ เดือน ตุลาคม ๒๕๕๔
P. 56
หลวงของพระเจ้าหงสาวดี เสด็จลงจากหลังม้าพระที่นั่ง
ทรงนำทหารปีนพะเนียด จะเข้าไปในค่าย ถูกข้าศึก
เอาทวนแทงตกลงมาไม่เป็นอันตราย แล้วก็กลับปีน
ขึ้นไปใหม่อีก ทำเช่นนี้หลายครั้งเข้าค่ายไม่ได้
ทรงปีนค่าย พอทหารพม่าตื่นรู้ตัวมากขึ้นก็เฮมาป้องกันค่าย
กองทัพหงสาวดี เห็นว่าพม่ารู้ตัวแล้ว จึงถอยทัพกลับคืนพระนคร
ด้วยความกล้าหาญ พระแสงดาบที่สมเด็จพระนเรศวรเป็นเจ้า ทรงดาบขึ้น
เด็ดเดี่ยว
ปีนค่ายในครั้งนั้น จึงปรากฏพระนามว่า “พระแสงดาบ
คาบค่าย” นับเป็นพระแสงอัษฎาวุธอยู่ในเครื่อง
ราชูปโภคอย่างหนึ่งของแผ่นดินสืบมาจนถึงปัจจุบันนี้
(องค์จริงสูญหายไปเมื่อกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ ๒
จิตกรรมฝาผนัง เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้า
โดยพระยา
อนุสาส์นจิตรกร จุฬาโลกมหาราช ได้โปรดให้สร้างขึ้นใหม่) นักประวัติศาสตร์
แสดงสมเด็จ หลายท่านวิเคราะห์วิจารณ์ว่า คำว่าพระแสงดาบ
พระนเรศวร คาบค่าย มิใช่ทรงเอาพระโอฐคาบดาบปีนค่าย น่าจะ
ทรงคาบดาบ
ปีนค่ายหงสาวดี หมายถึง พระแสงดาบที่ทรงใช้เมื่อปีนค่ายพม่า
ครั้ง (หน) นั้น (จากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน
กระทำการเป็นฝ่ายรุกทางยุทธวิธี โดยจัดกำลัง ดาบ มีความหมาย ๒ นัย คือ ครั้ง หน ระยะเวลา
กองทัพเล็ก ๆ โจมตีพม่าค่ายต่าง ๆ กลางวันบ้าง เวียนรอบ และ เอาปากงับสิ่งของไว้)
กลางคืนบ้าง จนพม่าอยู่ไม่เป็นสุข ยกที่ ๓ “ล่าพญายม” สมเด็จ ฯ กรมพระยา
พระราชพงศาวดารจดรายการศึกเฉพาะที่สมเด็จ ดำรงราชานุภาพ ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ตอนปล้นค่าย
พระนเรศวรเสด็จออกปล้นค่ายข้าศึกเองเป็นหลาย พระเจ้าหงสาวดี ไว้ในประวัติสมเด็จพระนเรศวรว่า
ครั้งไว้ดังนี้ (ไม่นับที่ทรงใช้ขุนศึก ขุนพลออกปล้น) …..พระเจ้าหงสาวดี ตรัสแก่เสนาบดีว่า “สมเด็จ
ยกที่ ๑ วันแรม ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ วันที่ ๒ กุมภาพันธ์ พระนเรศวร ได้ออกมาทำการเป็นตัวอย่างพลทหาร
พ.ศ.๒๑๒๙ เวลา ๕ นาฬิกา กองทัพไทยโดยการนำ ดังนี้ เหมือนกับเอาพิมเสนมาแลกเกลือ นี่พระราช
ของสมเด็จพระนเรศวร ออกปล้นค่ายพระยานคร บิดาจะรู้หรือไม่” เสนาบดีกราบทูลว่า “พระราชบิดา
ที่ปากน้ำพุทธเลา กำลังข้าศึกกองนี้น่าจะอ่อนกว่า เห็นจะไม่ทรงทราบ ถ้าทราบคงไม่ยอมให้มาทำ
กองอื่น ๆ พระองค์เคยอยู่กรุงหงสาวดีมาก่อน คงจะ อย่างนั้น” พระเจ้าหงสาวดีตรัสว่า “พระนเรศวร ทำศึก
รู้ฝีมือของแม่ทัพนายกองของมอญพม่าเป็นอย่างดี อาจหาญนัก ถ้าออกมาอีก ถึงจะเสียทหารเท่าใด
โจมตีอยู่พักเดียวข้าศึกแตกหนี ได้ค่ายพระยานคร ก็จะแลกเอาตัวพระนเรศวรให้จงได้” จึงได้ตรัสให้
ให้เผาค่ายข้าศึก แล้วยกทัพกลับคืนพระนคร “ลักไวทำมู” ซึ่งเป็นทหารเอกคุมทหารเพิ่มเติมไป
ยกที่ ๒ “พระแสงดาบ คาบค่าย” วันขึ้น ๑๐ ค่ำ รักษาค่ายกองหน้า และได้มีรับสั่งกำชับไปว่า
เดือน ๔ วันที่ ๑๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๑๒๙ เวลา “ถ้าพระนเรศวรออกมาอีก ให้คิดอ่านจับเป็นให้จงได้”
กลางคืน สมเด็จพระนเรศวร ยกทัพออกปล้นค่าย พระเจ้านันทบุเรง มีรับสั่งให้ทุกกองทัพคัดเลือก
กองทัพหน้าของพระเจ้าหงสาวดี พม่าไม่ทันรู้ตัว นายทหารฝีมือดี สันทัดจัดเจนอาวุธต่าง ๆ มาเตรียม
แตกพ่ายหนีทิ้งค่าย เมื่อได้ค่ายนั้นแล้ว เห็นเชิงศึก ไว้ ๑๐,๐๐๐ คน ให้ ลักไวทำมู แม่กองทหารทศ
เป็นที จึงไล่โจมตีฆ่าฟันพม่าข้าศึกไปจนถึงค่าย เป็นผู้บัญชาการหน่วยรบพิเศษนี้ ทหารทศ คือทหาร
๐54 นาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๔ ฉบับที่ ๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๔

