Page 70 - นาวิกศาสตร์ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
P. 70
ู
้
อนญาตให้ลอดได้เฉพาะค่บ่าวสาวเท่านน ผ้ททาหน้าท ี ่
ุ
ั
�
่
ู
ี
เป็นซุ้มกระบ (Sword Detail) ตามปกติประกอบด้วย
ี
่
ั
๓ – ๔ คู่ โดยจะต้งแถวหน้าประตูเข้าโบสถ์ หันหน้า
เข้าหากัน ยืนห่างกัน ๓ – ๔ ก้าว เพ่อให้คู่บ่าวสาวเดินผ่าน
ื
ู
ุ
ได้โดยสะดวก ค่อาวโสสงสดอย่ด้านนอกสดจากประต ู
ู
ุ
ู
ุ
ี
ทางเข้าโบสถ์ ตามปกติแล้วคาส่งท่ใช้แก่ผู้ท่ทาหน้าท่เป็น
�
ี
�
ั
ี
ซ้มกระบ (Detail) มกจะคล้ายคลึงกน แต่ทหารเรอ
ื
่
ั
ั
ุ
ี
แตกต่างออกไปบ้าง เช่น การพลิกคมดาบให้หันออก
ใช้ค�าว่า “Invert Swords” ซึ่งทุกคนต่างพลิกข้อมือเพื่อ
่
ึ
ให้คมดาบหงายข้น (ทหารไทยใช้คมดาบคว�าลง เพ่อบอก
ื
ี
�
เป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า คมดาบจะทาหน้าท่ปกป้องคุ้มครอง
(เจ้าสาว) เมื่อเข้ามาอยู่ในครอบครัวของทหารเรือ
จะผ่ำนได้แต่ละด่ำนต้องแลกด้วยกำรจูบ
ซุ้มกระบี่ในสหรัฐอเมริกำและอังกฤษ
ี
่
ี
ซุ้มกระบ เป็นประเพณีท่ใช้กับพิธีการแต่งงานของ
ั
ั
ี
ิ
ื
ุ
ั
่
ทหารอเมรกน และองกฤษวตถประสงค์เพอเป็นเกยรต ิ
แก่คู่บ่าวสาวท่เสร็จพิธีทางศาสนาในโบสถ์ และแสดงการ
ี
ี
ยอมรับเจ้าสาวท่เข้าสู่ครอบครัวของทหาร (ซ่งเป็นเจ้าบ่าว)
ึ
้
ุ
่
ี
ื
ี
่
ั
ิ
ทงคู่บ่าวสาวจะเดนผ่านซ้มกระบทจัดไว้เพอเป็นเกยรต ิ
ี
่
ิ
ั
เร่มแรกปรากฏในอังกฤษต้งแต่ยุคกลางตามท่กล่าว
ี
มาแล้วข้างต้น ปัจจุบันใช้กันแพร่หลายในหลายประเทศ
รวมท้งประเทศไทย สาหรับในสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ
�
ั
แต่ละเหล่าทัพมีความแตกต่างกันบ้างในรายละเอียด
ี
แต่โดยท่ว ๆ ไปแล้วคล้ายคลึงกัน ในบทความน้จะอ้างอิง เมื่อผ่ำนด่ำนคู่สุดท้ำยเจ้ำสำวจะถูกตีสะโพกด้วยกระบี่
ั
ของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เน่องจากเรา
ื
ื
ได้เลียนแบบเขามา โดยประเพณีแล้ว เม่อคู่บ่าวสาวจะผ่านซุ้มกระบ ่ ี
ี
่
ซุ้มกระบ่ของทหารเรือ และนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา พ้นไปแต่ละคู่ของนายทหารท่เป็นซุ้มกระบ เขาท้งสอง
ั
ี
ี
ื
(Arch of Swords) ท่ใช้ในพิธีแต่งงานได้รับอนุมัต ิ จะลดกระบ่ลงเพ่อขวางไม่ให้ผ่าน พร้อมกับย่นเง่อนไข
ี
ื
ื
ี
�
อย่างเป็นทางการให้ใช้ได้สาหรับนายทหารสัญญาบัตร และ ว่าจะผ่านได้ต้องจูบกันก่อน (kiss required to pass)
ี
ื
ู่
ี
ึ
ั
นายทหารประทวนช้นยศพันจ่าเอก ซุ้มกระบ่ถือว่าเป็นส่อ ในบางท่ซ่งอาจต้องจูบกันทุกคร้งท่ผ่านแต่ละค คู่สุดท้าย
ี
ั
ั
ึ
ประกันความจงรักภักดีให้แก่คู่บ่าวสาว การลอดซุ้มกระบ ่ ี จะลดดาบลงขวางหน้ากักไว้ช่วครู่หน่ง ผู้ถือดาบทาง
นาวิกศาสตร์ 68
ปีที่ ๑๐๓ เล่มที่ ๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓

