Page 46 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 46

46





               นายศิลาเข้าหุ้นกันซื้อรถยนต์ 1 คัน โดยมีข้อตกลงว่าจะผลัดกันใช้คนละสัปดาห์ สัปดาห์แรกให้นาย
               พายุเอาไปใช้ สัปดาห์ที่ 2 ให้นายศิลาเอาไปใช้ แต่การเอาไปใช้ของนายศิลานั้น นายศิลาเอาไปให้นาย


               อัคนีเช่า ได้ค่าเช่า 5,000 บาท ค่าเช่าเป็นของนายศิลาคนเดียว ไม่เป็นกรรมสิทธิ์รวมระหว่างนายพายุ
               กับนายศิลา เพราะเป็นการใช้ทรัพย์ของนายศิลา ตามข้อตกลงให้ผลัดกันใช้ เป็นการใช้โดยเอาออกให้


               เช่า

                            2.2.4 ต้องได้มาเป็นครั้งคราว หมายถึงได้มาโดยมีกำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เช่น

               ดอกเบี้ยคิดเป็นเดือน เป็นปี ค่าเช่าคิดเป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี (ประมูล  สุวรรณศร.  2525 : 119)

               เช่น นายศิลากู้เงินจากนายพายุ แต่ค้างดอกเบี้ยเป็นเวลาหลายเดือน นายศิลาเอาดอกเบี้ยที่ค้าง

               ทั้งหมดมาชำระแก่นายพายุในคราวเดียว เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นการได้มาเป็นครั้งคราว เพราะดอกเบี้ยนั้น

               สามารถกำหนดชำระได้เป็นรายเดือน แต่ถ้าทรัพย์ใดที่ควรได้เป็นครั้งเดียว แต่ได้แบ่งชำระเป็นคราวๆ

               ก็ไม่ถือว่าทรัพย์นั้นเป็นดอกผลนิตินัย เช่น นายพายุขายรถยนต์ให้นายศิลา แม้นายศิลาจะแบ่งชำระ

               เป็นงวดๆ เงินที่ชำระเป็นงวดนั้นก็ไม่เป็นดอกผลนิตินัย เพราะเงินนั้นสามารถที่จะชำระได้ทั้งหมดใน

               คราวเดียว ทั้งนี้ต้องสามารถคำนวณและถือเอาได้เป็นรายวันหรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ กล่าวคือ

               ดอกผลที่ได้มานั้นต้องคำนวณและถือเอาได้เป็นรายวันหรือตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น นายพายุ

               ให้นายศิลา เช่าบ้านในราคาเดือนละ 3,000 บาท ค่าเช่านั้นก็สามารถคำนวณได้เป็นรายวันๆ ละ 100

               บาท ถ้านายพายุขายบ้านให้นายอคนีในวันที่ 16 ของเดือน นายพายุย่อมมีสิทธิได้ค่าเช่าเพียง 15 วัน
                                            ั
               เป็นเงิน 1,500 บาท อีก 1,500 บาทนั้นเป็นของนายอัคนีซึ่งเป็นเจ้าของคนใหม่

                         3. ผลของการเป็นดอกผล

                            ดอกผลของทรัพย์จะเป็นของผู้ใดตามบทบัญญัติมาตรา 148 ไม่ได้บัญญัติไว้อย่าง

                                               ิ
               ชัดเจนว่าให้ตกเป็นสิทธิของผู้ใด เมื่อพจารณาตามมาตรา 1336 แล้วพบว่าผู้ใดเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์
               ย่อมมีสิทธิใช้สอย จำหน่ายและมีสิทธิได้ดอกผล รวมทั้งตามมาตรา 1360 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า

               เจ้าของรวมมีสิทธิได้ดอกผลของตนในทรัพย์สินนั้น นอกจากนี้ตามมาตรา 666 ยังกำหนดว่าถ้ามีดอก

               ผลเกิดแก่ทรัพย์ที่ฝาก ผู้รับฝากต้องคืนดอกผลให้แก่ผู้ฝาก และตามมาตรา 810 กำหนดให้เงินและ

               ทรัพย์สินอนที่ตัวแทนรับไว้ในฐานะตัวแทนต้องส่งให้ตัวการทั้งสิ้น รวมทั้งตามมาตรา 1474 (3)
                         ื่
               กำหนดให้ดอกผลของสินส่วนตัวให้เป็นสินสมรส (บัญญัติ  สุชีวะ.  2540 : 50-51) ดังนั้นผลของการ

                                                                                                 ื่
               เป็นดอกผล คือ ตกเป็นของเจ้าของแม่ทรัพย์ เว้นแต่จะมีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นการเฉพาะเพอ
               กำหนดให้เจ้าของแม่ทรัพย์ไม่ได้เป็นเจ้าของดอกผล ดังนี้
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51