Page 217 - การจัดการเรียนรู้บูรณาการ ด้วยวิธีทางวิทยาศาสตร์ ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
P. 217

การจัดการเรียนรู้บูรณาการด้วยวิธีการทางวิทยาศาสตร์ เล่ม 2   09


               กำจัดเชื้อราและใช้เป็นปุ๋ยทางเกษตรกรรมใช้เป็นยาฆ่าแมลง  ยากำจัดวัชพืช  และยาเบื่อหนู
               ส่วนในรูปของยารักษาโรค เคยใช้กันแพร่หลายในสมัยต้นศตวรรษที่ ๑๙ โดยใช้รักษาโรคผิวหนังชนิดเรื้อรัง

               และโรคหืด โดยทำเป็นยาน้ำมีชื่อเป็นที่รู้จักว่า “น้ำยาฟาวเร่อ” ใช้กิน ยาโอซาลวาซานรักษาซิฟิลิสและ
               คุดทะราด ต่อมาพบว่าผู้ที่ได้รับยาดังกล่าวเกิดมีอาการแทรกซ้อนขึ้นเนื่องจากพิษสารหนู ความนิยม
               ในการใช้ยาที่ผสมสารหนูจึงน้อยลงทุกทีจนเลิกไปในที่สุด จะมีที่ใช้อยู่บ้างก็เป็นส่วนผสมในยาแผนโบราณที่
               เรียกว่า ยาต้ม ยาหม้อ ทั้งหมอไทยและหมอจีนแผนโบราณยังนิยมผสมสารหนูลงไปในยาต้มครอบจักรวาล

               โดยอ้างสรรพคุณเป็นยาบำรุงกำลัง รักษาโรคภูมิแพ้ โรคผิวหนัง ฯลฯ ซึ่งชาวบ้านยังมีความเชื่อว่าแพทย์
               แผนโบราณอาจช่วยให้โรคเหล่านี้หายขาดได้ เนื่องจากสารหนูมีสรรพคุณลดอาการอักเสบได้ เพราะฉะนั้น
               เมื่อได้รับเข้าไปในตอนต้นๆ อาการของโรคจะดีขึ้น อีกทั้งช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร ผู้ที่ได้รับยาที่ผสม
               สารหนูเข้าไปเมื่อเห็นว่าโรคทุเลาลง อาการดีขึ้น ก็เข้าใจว่ายาดี แล้วกินต่อไปอีกด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

               อาการพิษจากสารหนูเกิดได้ในสองกรณีคือ 1.อาการเป็นพิษแบบเฉียบพลัน 2.อาการเป็นพิษเรื้อรัง

               	      1. อาการพิษเฉียบพลัน จะพบเมื่อผู้ป่วยได้รับสารหนูขนาดสูงเพียงครั้งเดียว เช่น กินยาผิดหรือ
               ในรายที่ใช้ยาเบื่อหนูหรือยาฆ่าแมลงเป็นยาฆ่าตัวตาย โดยการดื่มเข้าไปเป็นปริมาณมาก กรณีเช่นนี้จะเกิดอาการ
               ร้อนปาก ร้อนท้อง ปวดท้องรุนแรง คลื่นไส้ อาเจียน แน่นหน้าอก ความดันโลหิตตก เม็ดเลือดแดงแตกจนไตวาย

               หมดสติ และถึงแก่ชีวิตได้ ถ้าไม่เสียชีวิตในเวลาสั้นก็อาจพบอาการทางผิวหนัง เป็นแผลพุพองลอกเป็นแผ่น
               ทั่วตัว มีผมร่วงจนหมดศีรษะในเวลาต่อมา

                      2. อาการเป็นพิษเรื้อรัง พบบ่อยกว่าชนิดเฉียบพลันเพราะไม่ใช่อุบัติเหตุแต่ค่อยๆเป็น โดยผู้ที่ได้รับ

               สารพิษไม่รู้สึกตัวและกว่าจะเกิดอาการหลังจากได้รับยาเป็นเวลานานมาแล้ว อาจนานถึง 5-10 ปี บางครั้ง
               ผู้ป่วยเองแทบไม่เชื่อว่าโรคที่เกิดขึ้นเป็นผลจากยาซึ่งเคยกินมาเมื่อ 10 ปีก่อน แล้วเพิ่งจะมาออกฤทธิ์ เนื่องจาก
               การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างช้าๆ อาการพิษเกิดได้กับอวัยวะและตับ ระบบไต ระบบประสาท และผิวหนัง
               เนื่องจากผิวหนังเป็นอวัยวะที่ผู้ป่วยเห็นได้ด้วยตัวเองก่อนอาการอื่น จึงเป็นส่วนสำคัญที่นำผู้ป่วย
               มาหาแพทย์หรือแพทย์ตรวจพบเมื่อผู้ป่วยมาหาด้วยอาการทางระบบอื่น กล่าวคือ ผิวหนังของผู้ได้รับพิษ

               สารหนูเรื้อรังจะเกิดผิวสีคล้ำลงเป็นสีดำ มีหน้าดำ มีจุดดำขึ้นตามฝ่ามือและลำตัว ลักษณะของจุดดำ
               กระจายทั่วไปมีสลับด้วยจุดขาว ทำให้เห็นผิวดำๆด่างๆ ที่ฝ่ามือฝ่าเท้าจะมีตุ่มแข็งๆ เกิดขึ้นเนื่องจากเซลล์ที่ผิว
               หนังหนาตัวขึ้น ตุ่มนูนเหล่านี้เริ่มเป็นใหม่ๆ จะมีขนาดเล็กเท่าหัวเข็มหมุด ต่อมาขยายขนาดโตขึ้นหลายๆตุ่ม

               อาจรวมกันเป็นปื้นใหญ่แข็งและหนา เป็นสีน้ำตาล ตุ่มเหล่านี้ต่อไปอาจมีการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นมะเร็ง
               ของผิวหนัง ขณะเดียวกันมะเร็งผิวหนังก็อาจเกิดขึ้นบริเวณลำตัวที่ด่างดำได้อีกด้วย สำหรับอาการทางระบบ
               อื่นได้แก่ ร่างกายทรุดโทรม ผอม ซีด เบื่ออาการ อ่อนเพลีย มีอาการชาตามปลายมือปลายเท้า อาการรุนแรง
               ขั้นต่อไป คือเกิดเป็นมะเร็งของอวัยวะภายใน เช่น หลอดลม ปอด กระเพาะอาหาร กระเพาะปัสสาวะ


                      การรักษาเมื่อมีผู้ป่วยได้รับพิษสารหนูแบบเฉียบพลัน การรักษาได้ทันท่วงทีจะช่วยชีวิตผู้ป่วยได้ ได้แก่
               การล้างท้อง การให้ยาตามอาการที่เกิดขึ้น เช่น ยาแก้คลื่นไส้ อาเจียน แก้กระเพาะอักเสบ และฉีดยาแก้พิษ
               สารหนูให้ครบชุด ส่วนอาการพิษเรื้อรังเมื่อเป็นแล้วรักษาให้หายยาก เนื่องจากมีสารสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อ
               ของร่างกาย การรักษาใช้วิธีรักษาตามอาการที่ตรวจพบ เช่น ตุ่มที่หน้าขึ้นมาใช้ยาทาให้ลอกออกไป หรือ
   212   213   214   215   216   217   218   219   220   221   222