Page 701 - ตำราเคมีอินทรีย์ [Jadsada Ratniyom]
P. 701

เคมีอินทรีย์ (Org. Chem.)                                                       673








                                      พันธะไฮโดรเจนของกรดคาร์           พันธะไฮโดรเจนของแอลกอฮอล์
                                      บอกซิลิกจำนวน 2 พันธะ             จำนวน 1 พันธะ

                       ภาพที่ 12.2 การเกิดพันธะไฮโดรเจนของกรดคาร์บอกซิลิกและแอลกอฮอล์


                              ความสามารถในการละลายของกรดคาร์บอกซิลิกอธิบายได้จากส่วนที่มีขั้วและไม่มีขั้ว ส่วนที่
                       มีขั้วคือส่วนของหมู่คาร์บอกซล ส่วนที่ไม่มีขั้วคือส่วนหมู่อัลคิล (R group) ดังแสดง
                                               ิ


                                                                                  ส่วนที่มีขั้ว


                                                       ส่วนที่ไม่มีขั้ว

                       จากข้อมูลการทดสอบการละลาย หากกรดคาร์บอกซิลิกที่มีคาร์บอนอะตอมไม่เกิน 5 อะตอมจะ
                       สามารถละลายน้ำได้เพราะหมู่ COOH สามารถเกิดพันธะไฮโดรเจนกับน้ำได้ แต่หากคาร์บอนอะตอม

                       เกิน 5 อะตอมขึ้นไปจะไม่สามารถละลายน้ำได้ เพราะส่วนที่ไม่มีขั้วเพิ่มขึ้น แต่จะละลายในตัวทำ
                       ละลายอินทรีย์แทน


                        ตัวอย่างที่ 12.1 | สมบัติทางกายภาพของกรดคาร์บอกซิลิก
                            ์
                        โจทย  จงเรียงลำดับจุดเดือดของสารต่อไปนี้ (สารทั้งสามมีมวลโมเลกุลเท่ากันหมด คือ 128)





                        วิธีคิด  วิธีพิจารณา คือ หากในกรณีที่มวลโมเลกุลเท่ากันทั้งหมด แสดงว่าแรงลอนดอนไม่มีผลใน
                                การทำนายจุดเดือดของสาร ดังนั้นให้พิจารณาว่าสารใดมีพันธะไฮโดรเจน แสดงว่าสารนั้น
                                จุดเดือดจะสูงกว่า และกรดคาร์บอกซิลิกจะมีจุดเดือดสูงกว่าแอลกอฮอล์เสมอเพราะมี

                                พันธะไฮโดรเจน 2 พันธะในหนึ่งโมเลกุล ดังนั้นลำดับจะเป็น




                                  แรง dipole-dipole     พันธะไฮโดรเจน              2 x พันธะไฮโดรเจน
                                   แรงลอนดอน            แรง dipole-dipole          แรง dipole-dipole
                                                                                   แรงลอนดอน
                                                        แรงลอนดอน

                                                            จุดเดือดเพิ่มขึ้น
   696   697   698   699   700   701   702   703   704   705   706