Page 675 - รวมคำวินิจฉัย ของประธานศาลอุทธรณ์คดีชำนัญพิเศษ
P. 675

กำรคุ้มครองแรงงำนและกฎหมำยว่ำด้วยแรงงำนสัมพันธ์ ก่อนฟ้องโจทก์ต้องด�ำเนินกำรตำม

               ั
                                                                                     ื
              ข้นตอนในกำรร้องทุกข์ต่อคณะกรรมกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนประจ�ำสถำบันเพ่อให้วินิจฉัย
                ื
                                                                                    ี
              เร่องรำวร้องทุกข์ของโจทก์เสียก่อน โจทก์จึงยังไม่มีอ�ำนำจฟ้อง อัตรำดอกเบ้ยท่โจทก์เรียกร้อง
                                                                                 ี
                                                                                          ี
                                                                          ั
                                   ี
              ตำมฟ้องแตกต่ำงจำกท่กฎหมำยก�ำหนด จึงไม่อำจเรียกให้จ�ำเลยท้งสำมช�ำระดอกเบ้ยอัตรำ
              ร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ได้ ขอให้ยกฟ้อง
                       ระหว่ำงพิจำรณำ ศำลแรงงำนกลำงเห็นว่ำ กรณีมีปัญหำว่ำคดีนี้อยู่ในอ�ำนำจพิจำรณำ
              พิพำกษำของศำลแรงงำนหรือไม่ จึงส่งส�ำนวนให้ประธำนศำลอุทธรณ์คดีช�ำนัญพิเศษวินิจฉัย

              ตำมพระรำชบัญญัติจัดต้งศำลแรงงำนและวิธีพิจำรณำคดีแรงงำน พ.ศ. ๒๕๒๒ มำตรำ ๙
                                    ั
              วรรคสอง

                       วินิจฉัยว่ำ โจทก์บรรยำยฟ้องว่ำ โจทก์เป็นลูกจ้ำงจ�ำเลยท่ ๑ มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นอธิกำรบด  ี
                                                                                  ี
                                                                       ี
                                                                                        ี
                         ี
              และจ�ำเลยท่ ๓ เป็นคณบดีคณะกำรศึกษำปฐมวัย ระหว่ำงสัญญำจ้ำง จ�ำเลยท่ ๓ แจ้ง
                  ั
              ค�ำส่งลดต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรให้โจทก์ทรำบทำงแอปพลิเคชันไลน์ กลุ่มคณะกำรศึกษำ
                                                 ื
                                                                  ี
                                                                  ่
              ปฐมวย ท�ำให้โจทก์อับอำยและเสอมเสียช่อเสียง เป็นกำรเปลยนแปลงสภำพกำรจ้ำง ลดต�ำแหน่ง
                                          ่
                                          ื
                   ั
                                                                           ื
                                                                                              ี
              และลดค่ำจ้ำงในต�ำแหน่งดังกล่ำวโดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ เม่อโจทก์โต้แย้งจ�ำเลยท่ ๒
              และที่ ๓ ต่ำงเพิกเฉย ทั้งจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒ ยังมีค�ำสั่งแต่งตั้งจ�ำเลยที่ ๓ ให้รักษำกำร
              ต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำร โดยไม่ได้รับควำมยินยอมจำกโจทก์ เป็นกำรกระท�ำท่มีผลกระทบ
                                                                                      ี
              ต่อโจทก์ท้งทำงกำรเงิน ช่อเสียงและจิตใจจนโจทก์ต้องลำออกโดยไม่สมัครใจ ถือเป็นกำรเลิกจ้ำง
                       ั
                                    ื
              โดยไม่เป็นธรรม ท�ำให้โจทก์ได้รับควำมเสียหำย ขอให้บังคับจ�ำเลยทั้งสำมจ่ำยค่ำชดเชย ค่ำจ้ำง
              ค่ำต�ำแหน่ง และค่ำเสียหำยจำกกำรเลิกจ้ำงไม่เป็นธรรมแก่โจทก์ ดังนี้ ตำมค�ำฟ้องโจทก์เป็นกำร
                                                        ี
                                                                                          ี
                                                                                               ึ
              กล่ำวอ้ำงถึงนิติสัมพันธ์ระหว่ำงโจทก์กับจ�ำเลยท่ ๑ ตำมสัญญำจ้ำงแรงงำนว่ำ จ�ำเลยท่ ๑ ซ่ง
                                   ี
              เป็นนำยจ้ำง มีจ�ำเลยท่ ๒ เป็นผู้มีอ�ำนำจกระท�ำกำรแทนมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตำมสัญญำจ้ำง
              แรงงำน เปลี่ยนแปลงสภำพกำรจ้ำงโดยกำรลดต�ำแหน่งและค่ำจ้ำง ทั้งจ�ำเลยที่ ๑ โดยจ�ำเลยที่ ๒
              ยังมีค�ำสั่งแต่งตั้งจ�ำเลยที่ ๓ ให้รักษำกำรต�ำแหน่งรองคณบดีฝ่ำยวิชำกำรแทนโดยไม่ได้รับควำม

              ยินยอมจำกโจทก์ เป็นกำรกระท�ำท่มีผลกระทบต่อโจทก์จนโจทก์ต้องลำออกโดยไม่สมัครใจ
                                              ี
              ถือเป็นกำรเลิกจ้ำงโจทก์โดยไม่เป็นธรรม ท้งยังเป็นกรณีพิพำทเก่ยวด้วยควำมรับผิดตำม
                                                      ั
                                                                           ี
              กฎกระทรวง ว่ำด้วยกำรคุ้มครองกำรท�ำงำนและผลประโยชน์ตอบแทนของผู้ปฏิบัติงำนในสถำบัน

              อุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๙ ซ่งออกโดยพระรำชบัญญัติสถำบันอุดมศึกษำเอกชน พ.ศ. ๒๕๔๖
                                          ึ
                                                                                           ี
                                       ื
                                                   ่
                                                   ึ
                                     ึ
              มำตรำ ๒๓ วรรคสอง ซงถอเป็นส่วนหนงของกฎหมำยว่ำด้วยกำรค้มครองแรงงำนอกด้วย
                                     ่
                                                                            ุ
                                                     647
   670   671   672   673   674   675   676   677   678   679   680