Page 42 - วิจัย-สังคมศึกษา-ปี 2559
P. 42
-35-
ิ
บทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอน 18 คาบ คาบละ 20 นาที โดยผู้วิจัย สังเกตพฤติกรรมการเรียนการสอนด้วย
บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ของนักเรียนสัมภาษณ์นักเรียน เมื่อนักเรียนเรียนจบให้ท าแบบฝึกหัด น าข้อมูล
ที่ได้มาปรับปรุงแก้ไข จากนั้นน าไปทดลองกับกลุ่มทดลองที่ 2 แล้วน าผลการทดสอบและข้อมูลที่ได้จากการ
ิ
สังเกตพฤติกรรมการเรียนด้วยบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอนของนักเรียน มีการสัมภาษณ์นักเรียนถึงความ
ิ
เหมาะสมของภาษา กราฟกที่ใช้ แล้วน าข้อมูลที่ได้มาปรับปรุง ให้เป็นบทเรียนที่สมบูรณ์ ผลการศึกษาพบว่า
ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังจากเรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนของนักเรียนทั้งสองกลุ่มไม่แตกต่างกัน
เรวัต อ่ าทอง (2541) ได้ศึกษาวิจัย เรื่องการพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง สื่อวัสดุกราฟิก
เพื่อใช้ประการสอน วิชาเทคโนโลยีการศึกษาเบื้องต้น กลุ่มตัวอย่างที่ใช้เป็นนิสิตระดับปริญญาตรี ชั้นปี ที่ 1, 2
และ 3 ที่ก าลังศึกษาอยู่ในภาคปลาย ปีการศึกษา 2540 โดยใช้วิธีการสุ่มอย่างง่าย ซึ่งแบ่งกลุ่มตัวอย่างที่
ได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 20 คน รวมทั้งสิ้น 40 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เรื่อง
สื่อวัสดุกราฟิก ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 88.67/80.72 2) นิสิตกลุ่มตัวอย่างมีความ
คิดเห็นเกี่ยวกับบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนที่สร้างขึ้นอยู่ในระดับชอบหรือต้องการมาก รวมทั้งผู้เชี่ยวชาญมี
ิ
ความคิดเห็น เกี่ยวกับบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอนว่า มีคุณภาพอยู่ในระดับเหมาะสม 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการ
ิ
เรียนการสอนของนิสิตกลุ่มตัวอย่าง หลังเรียนด้วยบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมี
นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
อารีย์ มีมุ่งกิจ (2541) ได้ศึกษาเรื่อง การพัฒนาบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เพื่อการสอนซ่อมเสริม
วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง เศษส่วน ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียน
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2540 โรงเรียนวัฒนานุศาสน์ อาเภอพนัสนิคม จังหวัด
ชลบุรี จ านวน 30 คน ได้มาจากการสุ่มแบบเฉพาะเจาะจง ประกอบด้วยนักเรียนที่มีผลการเรียน อยู่ในระดับ
ปานกลาง 10 คน และนักเรียนที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับต่ า 20 คน ผลการวิจัยพบว่า 1) เมื่อน าบทเรียนไป
ใช้กับนักเรียนที่มีผลการเรียนอยู่ในระดับปานกลางและต่ า ได้ประสิทธิภาพของบทเรียนเป็น 82.33/87.67 และ
78.82/70.60 ตามาล าดับ 2) ผลสัมฤทธิ์หลังเรียน ด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนของนักเรียนทุกคนในทั้ง
สองกลุ่ม สูงกว่าผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
นวลนุช สีทองดี (2541) ได้ศึกษาเรื่อง การสร้างบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เสริมทักษะภาษาไทย
ส าหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยครั้งนี้ เป็น
นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน โรงเรียนเศรษฐเสถียร ภาคเรียนที่ 2 ในปี
การศึกษา 2540 จ านวน 24 คน โดยการสุ่มตัวอย่างแบบเจาะจง (Purposive random sampling)
ิ
ผลการวิจัยพบว่า 1) บทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอนเสริมทักษะ วิชาภาษาไทย ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นได้รับการ
ประเมินผลจากผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคมีค่าเฉลี่ย 4.20 ซึ่งอยู่ในระดับดี และได้รับการประเมินผลจาก
ผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหา มีค่าเฉลี่ย 4.25 ซึ่งอยู่ในระดับดีมาก 2) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังจากเรียน
โดยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน เสริมทักษะวิชาภาษาไทยไม่แตกต่างกัน อย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05

