Page 43 - วิจัย-สังคมศึกษา-ปี 2559
P. 43
-36-
ิ
3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่วัดหลังจากเรียนในบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วย
สอนผ่านไป 2 สัปดาห์ แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
งานวิจัยเกี่ยวข้องกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
องอาจ ชาญเชาว์(2544) ได้ศึกษาเรื่องการศึกษาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
ิ
ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่องโลกและการเปลี่ยนแปลงที่เรียนจากบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอน ที่มี
รูปแบบการน าเสนอบทสรุปต่างกัน : บทคัดย่อ : การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพอเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์
ื่
ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนจากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ที่มีรูปแบบการน าเสนอบทสรุปต่างกัน ของ
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเทพศิรินทร์ โดยศึกษาจากกลุ่มประชากร 559 คน เป็นนักเรียน กลุ่ม
ทดลอง จ านวน 60 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มละ 20 คน และใช้รูปแบบการวิจัย The Pretest-Posttest
Randomized Group Design วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติ One - Way ANOVA ผลการวิจัยพบว่า บทเรียน
ิ
ิ
คอมพวเตอร์ช่วยสอนมีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 และนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพวเตอร์
ช่วยสอน ที่มีรูปแบบการน าเสนอบทสรุปต่างกันทั้ง 3 แบบ มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนแตกต่างกันอย่างไม่มี
นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .05
พรยา ภูอนรมย์ (2534) ได้ศึกษาเรื่องการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนชั้น
ิ
ี
มัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่อง อัตราส่วนและร้อยละ ระหว่างกลุ่มที่เรียนจากครู และกลุ่มที่เรียนด้วยตนเอง โรงเรียน
ี่
อนุกูลนารี จังหวัดกาฬสินธุ์ กลุ่มตัวอย่างทใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จ านวน 74
คน ซึ่งได้มาจากกลุ่มสุ่มทดลองเรียนด้วยตนเอง กลุ่มควบคุมเรียนกับครู ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการ
ั
เรียนวิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 เรื่องอตราส่วน และร้อยละ ระหว่างกลุ่มที่เรียนด้วย
ตนเองไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5
อ าพา รัตตนโอภาส (2538)ได้ศึกษาวิจัยเรื่องการเปรียบเทียบผลส าฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์
เรื่อง เมตริกและดีเทอร์มินันต์ ส าหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 โดยใช้บทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนกับ
วิธีสอนปกติ ผลการวิจัยพบว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาคณิตศาสตร์ของนักเรียนที่สอน โดยใช้บทเรียน
ิ
คอมพวเตอร์ช่วยสอนกับวิธีสอนปกติมีความแตกต่างกันอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ 0.5 โดยนักเรียนที่
เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงกว่านักเรียนที่เรียนโดยวิธีสอนปกติ
วัลลภ พฒนพงศ์ (2538) ได้ศึกษาเรื่อง การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากบทเรียน
ั
คอมพวเตอร์ช่วยสอนและบทเรียนโปรแกรมในการสอนวิชาเขียนแบบงานท่อ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยเป็น
ิ
นักศึกษาระดับประกาศนียบัตรชั้นสูง ชั้นปีที่ 1 ปีการศึกษา 2538 ภาควิชาเครื่องกล วิทยาลัยเทคโนโลยี
อุตสาหกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ จ านวน 50 คน แบ่งกลุ่มตัวอย่างออกเป็นกลุ่มทดล
อง 2 กลุ่ม กลุ่มละ25 คน ผลการวิจัยพบว่า นักศึกษาที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพวเตอร์ช่วยสอนมีผลสัมฤทธิ์
ิ
ทางการเรียนสูงกว่านักศึกษาที่เรียนด้วยแบบเรียนโปรแกรมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ปราโมช สนธยามาลย์(2538) ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง ความสัมพนธ์ระหว่างเจตคติผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน
ั
และความคงทนในการเรียนรู้ วิชาคณิตศาสตร์จากบทเรียนคอมพิวเตอร์ช่วยสอน ของนักเรียนชั้นประถมศึกษา

