Page 118 - PowerPoint Presentation
P. 118
แก๊สโซลีน
- ค.ศ. 1893 (พ.ศ. 2436) มายบัคประดิษฐ์คาร์บูเรเตอร์ที่ใช้ระบบนมหนู
- ค.ศ. 1894 (พ.ศ. 2437) เบนซ์ประดิษฐ์เครื่องยนต์ 2 แรงม้า
- ค.ศ. 1895 (พ.ศ. 2438) พันนาร์ด (Pannard) ได้สร้างรถแบบปิดขึ้น และพี่น้องมิชลินได้ผลิตยางแบบ
เติมลมส าเร็จ
- ค.ศ. 1897 (พ.ศ. 2440) มอร ์์ (Mors) ชาวฝรงั่ เศส ไดผ้ ลติ เครอื่ งยนต ์์ 8 สบู (V8- แกรฟ และ
สตีฟ แห่งออสเตรีย ได้ผลิตรถยนต์แก๊สโซลีนขับเคลื่อนล้อหน้า
- ค.ศ. 1898 (พ.ศ. 2441) เดมเลอร์ผลิตเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง
- ค.ศ. 1901 (พ.ศ. 2444) เดมเลอร์ผลิตรถเบนซ์ขึ้น จัดได้ว่าเป็นเครื่องยนต์สมัยใหม่เครื่องแรก
- ค.ศ. 1902 (พ.ศ. 2445) ส าปเดอร์ แห่งฮอลแลนด์ ได้ผลิตรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ
เรียง
- ค.ศ. 1903 (พ.ศ. 2446) แอดเลอร์ แห่งเยอรมนีได้จดทะเบียนเพลาท้ายอิสระซึ่งออกแบบโดย ดร.อีรัม
เพลอร์ และบอร์ ขายรถที่ติดตั้งโช้คอัพ เมาสเลย์ แห่งอังกฤษ ผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ O.H.C. และแอด
เลอร์ แห่งฝรั่งเศส ผลิตเครื่องยนต์ V8
- ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2447) อัศวิด แห่งอเมริกา ผลิตเครื่องยนต์ที่ใช้ซูเปอร์ชาร์จ
- ค.ศ. 1909 (พ.ศ. 2449) คริสตี้ ชาวอเมริกัน ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ และเกียร์กับรถยนต์ขับล้อหน้า
- ค.ศ. 1911 (พ.ศ. 2451) คาลิแลค แนะน าการสตาร์ตด้วยไฟฟ้า และระบบไฟแสงสว่างกับไดนาโม
- ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2452) เปอร์โย แนะน าเครื่องยนต์ที่ใช้เพลาลูกเบี้ยวคู่
- ค.ศ. 1913 (พ.ศ. 2452) อังกฤษ ใช้คาร์บูเรเตอร์แบบสุญญากาศคงที่ (S.U.)
- ค.ศ. 1919 (พ.ศ. 2458) อิสปาโน ซุบซา แห่งสเปน ใช้เบรกแบบช่วยเพิ่มพลัง
1.2 หลักการท างานของเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ
ในเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ การท างานใน 1 กลวัตร ประกอบด้วย จังหวะดูด จังหวะอัด จังหวะ
ระเบิด และจังหวะคาย
การท างานของเครื่องยนต์เป็นล าดับขั้นตอนของการเผาไหม้ซึ่งกระท าซ ้าๆ กัน ล าดับแรกส่วนผสมไอดี
(Fuel-air Mixture) จะถูกดูดไปในกระบอกสูบ (Cylinder) หลังจากนั้นส่วนผสมไอดีจะถูกอัดตัว (Compression)
และจะเกิดการเผาไหม้ (Combustion) ท าให้เกิดความดันของแก๊สผลักดันลูกสูบให้เคลื่อนที่ลง
กลวัตรเครื่องยนต์ 4 จังหวะ (4 Cycle Engine)
1.) จังหวะดูด (Intake Stroke) เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ลงลิ้นไอดีเปิด ไอดี (ห้องเผาไหม้) โดยลูกสูบเคลื่อนที่
จากศูนย์ตายบน (TDC) ลงสู่ศูนย์ตายล่าง (BDC)
2.) จังหวะอัด (Compression Stroke) เมี่อลูกสูบเคลื่อนที่ขึ้นจากศูนย์ตายล่างจนถึงศูนย์ตายบน ในจังหวะ
2
นี้ลิ้นไอดีและลิ้นไอเสียจะปิด ไอดีจะถูกอัดจนมีความดันประมาณ 6–10 กก./ ซม (90–150 ปอนด์ / ตารางนิ้ว)
และอุณหภูมิไอดีสูงขึ้นด้วย

