Page 122 - PowerPoint Presentation
P. 122
ในปัจจุบันรถยนต์นั่งโดยทั่วไปเครื่องยนต์มักมีระยะชักปานกลางและสั้นเนื่องจากความเร็วลูกสูบที่
ต ่ากว่าเครื่องยนต์ที่มีช่วงระยะชักของลูกสูบที่ยาว
1.10 ความจุของกระบอกสูบ
ความจุของกระบอกสูบ (Piston Displacement) คือปริมาตรทั้งหมดของกระบอกสูบ ซึ่งวัดจากการ
เคลื่อนที่ของลูกสูบจากจุดศูนย์ตายบนไปสู่จุดศูนย์ตายล่าง และสามารถค านวณความจุของกระบอกสูบรวมของ
3
เครื่องยนต์ มีหน่วยเป็นลูกบาศก์เมตรหรือ C สามารถค านวณได้จากสูตร
V =
โดย V = ความจุกระบอกสูบ
= อัตราส่วนของเส้นรอบวงของวงกลมต่อเส้นผ่านศูนย์กลางของวงกลม
D = ความโตของกระบอกสูบ
L = ระยะชักลูกสูบ
N = จ านวนกระบอกสูบของเครื่องยนต์นั้น
1.11 อัตราส่วนก าลังอัด
อัตราส่วนก าลังอัด (Compression Ratio) คือปริมาตรของส่วนผสมของไอดีถูกดูดเข้าไปในกระบอกสูบใน
จังหวะดูด และจะถูกอัดตัวในจังหวะอัดให้มีปริมาตรหนึ่งภายในห้องเผาไหม้ ถ้าเครื่องยนต์มีอัตราส่วนก าลังอัด
มาก แรงดันที่เกิดจากการเผาไหม้ภายในกระบอกสูบจะมีสูงมากเช่นเดียวกันท าให้เครื่องยนต์มีแรงบิดเพิ่มขึ้น มี
ก าลังงานมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็จะประหยัดน ้ามันเชื้อเพลิง แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าเครื่องยนต์มีอัตราส่วนของ
ก าลังอัดสูงมากเกินไป ท าให้อุณหภูมิของไอดีภายในห้องเผาไหม้สูงมาก
การสิ้นเปลืองน ้ามันเชื้อเพลิง การวัดปริมาณการสิ้นเปลืองน ้ามันเชื้อเพลิงท าได้โดยการวัดปริมาตร
เชื้อเพลิงที่เครื่องยนต์ใช้ต่อหน่วยระยะทางการสิ้นเปลืองน ้ามันมีการทดสอบได้ 2 อย่าง คือ
1. ทดสอบจากระยะทางของรถยนต์ตามระยะทางที่ก าหนดไว้ และเปรียบเทียบกับปริมาณเชื้อเพลิงที่ใช้
ไป เช่น 100 กิโลเมตรต่อลิตร
2. วัดได้จากระยะทางที่รถยนต์สามารถวิ่งได้ต่อปริมาณเชื้อเพลิงที่ก าหนดไว้ หน่วยวัดเป็นกิโลเมตรต่อ
แกลลอนหรือต่อลิตร

