Page 55 - การใช้ภาษาและวัฒนธรรมไทยสำหรับครู
P. 55
๓๘
ี่
๑๑) ควรมีหนาตายิ้มแยมแจมใสขณะทพูด ยกเวนการพูดที่แสดงความเสียใจ
๑๒) ควรหลีกเลี่ยงการพูดนินทาหรือพูดถึงผูอื่นในทางเสื่อมเสียระหวางการพูดสนทนา
กบบุคคลหรือกลุมบุคคล
ั
ื่
๑๓) ควรบอกนามของผูพูดหรือเจาของผลงานเพอแสดงความเคารพและใหเกียรติหาก
นำคำพูดหรือผลงานของผูอื่นมากลาว
๗. การสื่อสารทางบวก
การสื่อสารทางบวกกับวัยรุน คือ รูปแบบและเทคนิคการสื่อสารเชิงสรางสรรคเปน
กระบวนการติดตอ สัมพันธ ถายทอดขอมูล ความคิด ความรูสึก ความเขาใจ ทัศนคติและคานิยม
ื่
ี่
ระหวางบุคคลกับวัยรุนเพอสรางความสัมพันธทดี ใหเกิดความรู ความเขาใจ ความรูสึกยอมรับ จูงใจ
ื
ใหความรวมมอ จนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตามทพึงปรารถนา เทคนิคการสื่อสารทางบวกท ี่
ี่
ผูปฏิบัติงานสามารถนำไปใชเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารกับวัยรุน มี 20 ประการ ดังนี้
๑) เริ่มตนดวยมีทัศนคติที่ดีกับวัยรุน ครูควรความรูสึกดีที่มีตอวัยรุน โดยการมองในแงดี
เปนกลาง มีความเขาใจ เห็นอกเห็นใจ ยอมรับโดยไมมีเงื่อนไข และอยากชวยเหลือ
2) จัดสิ่งแวดลอมใหเหมาะสมกับการสนทนา เพื่อใหเกิดความรูสึกปลอดภัย เปดเผย
เรื่องราว ไดงาย สถานที่ที่ใชควรพูดคุยสื่อสารควรมีลักษณะดังนี้
๓) ทักทายปราศรัย ครูควรรูจักพื้นฐานนักเรียนบาง เชน ชอบอะไร ทำอะไร เปนเพื่อน
ี
ใคร โดยเฉพาะดานดีๆ จะใชเปนจุดเริ่มตนคุยไดอยางด ในกรณีที่ยังไมรูจักกัน ควรแนะนำตัวเอง
กอน แลวแจงวัตถุประสงคของการคุยกัน เวลาที่จะคุยกัน เพื่อใหวัยรุนเขาใจ บรรยากาศจะผอน
คลาย และเปนกันเอง
4) เริ่มสนทนาจากขอดีของวัยรุน โดยการคุยเรื่องที่วัยรุนพอใจหยิบยกมาเปนจุดเริ่มตน
กอน เชนเรื่องเกี่ยวกับตัวเขา หาขอดี จุดดี ดานบวกของวัยรุน และแสดงใหเห็นวาครูสนใจ ดีใจ
ชื่นชมตัวเขา
5) พยายามสำรวจลงไปในปญหา สำรวจปญหา/ความคับของใจของผูเรียนโดยใชเทคนิค
การถาม
6) ฟงอยางตั้งใจ การสื่อสารที่ดีควรเปนไปแบบสองทาง คือการฟง และการพูด แตใน
ระยะแรกควรพยายามกระตุนใหวัยรุนพูดและแสดงออกกอน โดยสรางทัศนคติใหวัยรุนรูสึกวา
“เรื่องนี้สำคัญ ครูสนใจ และฟง”
๗) หลีกเลี่ยงการใชคำถามที่ขึ้นตนวา “ทำไม” คำถามที่ขึ้นตนวา “ทำไม.....” สื่อสาร
ความหมาย ๒ แบบ คอ เธอแยมาก ทำไมจึงทำเชนนั้น กับ ถามีเหตุผลดีๆ การกระทำที่ไมดีกอาจ
ื
็
เปนที่ยอมรับได
ผลที่ตามมามักเปนดานลบ คือ วัยรุนรูสึกถูกตำหนิวาตนเองไมดี และอาจพยายามหา
ึ้
เหตุผลเขาขางตนเองมากขน เพื่อยืนยันวาความคิดและการกระทำของเขาถกตอง คำถาม “ทำไม”
ู
ั
จึงกระตุนและสงเสริมใหวัยรุนเถยงแบบ ขางๆ คูๆ จนในที่สุดครูก็โมโหเอง เสียความสัมพนธไดงาย
ี
พยายามหลีกเลี่ยงคำถามที่ขึ้นตนดวยคำวา “ทำไม” ถาตองการทราบเหตุผลจริงๆ ของพฤติกรรม
นั้น ใหเปลี่ยนเปนคำถามตอไปนี้
“ครูตองการทราบจริงๆ วาอะไรทำให.....ทำอยางนั้น”

