Page 67 - การใช้ภาษาและวัฒนธรรมไทยสำหรับครู
P. 67

๕๐


                                             ๕.  การอานวิเคราะห วิจารณเพื่อหาเหตุผล เชน การอานขาว การอาน
                                                 เหตุการณสำคญ เปนตน
                                                             ั
                                                                                     ื่
                                             ๖.  การอานแบบไตรตรองโดยใชวิจารณญาณเพอหาขอเท็จจริง ขอดี
                                                 ขอเสียสำหรับหาแนวทางปฏิบัติ เชน การอานโฆษณา การอานสลาก
                                                 สินคา เปนตน
                                             ๗.  การอานแบบคราวๆ เพื่อสังเกตและจดจำ เชน การอานชื่อสถานท ี่
                                                                                            
                                                 เมื่อนั่งรถผานไปในเสนทางตางๆ เปนตน
                               ๒.  การแบงประเภทของการอานโดยพิจารณาวิธีการอานเปนหลัก จำแนกได ๖ แบบ ดังนี้
                                      ๑.  การอานคนหาความรูและคำตอบ

                                                                 ั
                                      ๒.  การอานแบบจับใจความสำคญ
                                              
                                                              ี
                                      ๓.  การอานแบบหารายละเอยดตามลำดับเหตุการณ  
                                                                         ื่
                                      ๔.  การอานแบบหารายละเอยดทุกๆ คำเพอปฏิบัติ
                                                              ี
                                      ๕.  การอานแบบวิเคราะหวิจารณ  
                                      ๖.  การอานแบบใชวิจารณญาณ
                               ๓.  การแบงประเภทของการอานโดยเนนความมงหมายในการอาน จำแนกได ๑๐ แบบ
                                                                       ุ
                        ดังนี้
                                                  ื่
                                      ๑.  การอานเพอศกษาหาความรู
                                                     ึ
                                      ๒.  การอานเพอคนหาคำตอบ
                                                  ื่
                                      ๓.  การอานเพอจับใจความสำคัญ
                                                  ื่
                                      ๔.  การอานเพอลำดับเหตุการณ  
                                                  ื่
                                      ๕.  การอานเพอสรุปความหรือยอความ
                                                  ื่
                                                             ี
                                                  ื่
                                      ๖.  การอานเพอหารายละเอยดของเรื่อง
                                                  ื่
                                      ๗.  การอานเพอจัดทำรายงาน
                                      ๘.  การอานเพอวิเคราะหขาวสารหรือขอมูล
                                                  ื่
                                                  ื่
                                      ๙.  การอานเพอปฏิบัติตามคำสั่งหรือคำแนะนำ
                                      ๑๐. การอานเพอธุรกิจหรือการพาณิชย
                                                   ื่

                               การอานเปนพฤติกรรมการรับสารที่สำคัญไมยิ่งหยอนไปกวาการฟงและการดู ซึ่งปจจุบันม ี
                        ผูรูหรือนักวิชาการและนักเขียนไดนำเสนอความรู ขอมูล ขาวสาร  งานสรางสรรคตีพิมพในหนังสือ

                        และสิ่งพิมพอื่นๆ เปนจำนวนมาก โดยจำแนกประเภทของการอาน ดังนี้
                                      ๑.   24การอานเก็บความรู24   เปนการอานทตองแยกแยะใจความหลักและใจความ
                                                                        ่
                                                                         
                                                                        ี
                                                                  ี่
                                                                    
                                 ื่
                        ประกอบเพอใหสามารถจับใจความสำคัญของเรื่องทอานได  โดยเมื่ออานไประยะหนึ่งการรับความรู
                                                       
                        นั้นอาจจะสมบูรณหรือไมสมบูรณก็ได  จึงตองมีการเรียงลำดับขอมูล และสรุปบันทึกความรูไวอยาง
                        เปนระบบ  การอานเก็บความรูนั้นผูอานอาจเลือกเก็บเฉพาะขอความรูที่ตนตองการ  เพื่อใช
                        ประโยชนบางอยางก็ได
   62   63   64   65   66   67   68   69   70   71   72