Page 282 - E-book การประชุมวิชาการครั้งที่ 36
P. 282
มีการศึกษาพบว่าสตรีที่เข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือนจากการผ่าตัดจะมีระดับ total cholesterol สูงกว่าและ
(20)
ระดับ HDL ต่ำกว่าสตรีกลุ่มอายุเดียวกันที่ไม่ได้รับการผ่าตัดอย่างมีนัยสำคัญทางสถิต เมื่อพิจารณาอาการ
ิ
ทางคลินิกมีข้อมูลที่ได้จากการศึกษา Nurses’ Health Study พบว่าสตรีที่ได้รับการผ่าตัดนำรังไข่ออกทั้ง
(18)
2 ข้างก่อนอายุ 50 ปี และไม่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนมีอัตราการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดสูง
นอกจากนี้ยังมีการศึกษาแบบ meta-analysis ซึ่งวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจาก 10 international study
พบว่าสตรีที่มีภาวะหมดประจำเดือนจากการผ่าตัดจะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดเพิ่มขึ้น
ี
้
ร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทยบกับสตรีทเขาสู่วัยหมดประจำเดือนตามธรรมชาติ (HR 1.22, 95% CI: 1.16-1.28)
ี่
ั
่
ี่
และพบว่าอายุที่ได้รับการผาตดนำรังไข่ออกมีผลต่อความเสยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลอด โดยสตรีท ี่
ื
ู
ได้รับการผ่าตัดนำรังไข่ออกทั้ง 2 ข้างก่อนอายุ 35 ปี จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดสง
ที่สุด (HR 2.55, 95% CI: 2.22-2.94) อย่างไรก็ตามการศึกษานี้พบว่ากลุ่มสตรีที่มีภาวะหมดประจำเดือน
(21)
จากการผ่าตัดก่อนอายุ 50 ปี และได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมนจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอด
เลือดน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับการรักษาด้วยฮอร์โมน
• โรคทางระบบประสาทและความจำ
ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีบทบาทเกี่ยวกับการทำงานของเซลล์ประสาททำให้มีการพัฒนาของ dendritic
spine synapses และมี neuroprotective effect ดังนั้นในภาวะที่ระดับเอสโตรเจนลดลงทั้งสาเหตุจาก
ั้
ธรรมชาติหรือจากสาเหตุอื่นจึงส่งผลตอระบบประสาทและความจำ มีหลักฐานพบว่าการผ่าตดนำรังไข่ออกทง
่
ั
ิ
ื่
2 ข้างก่อนจะเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนตามธรรมชาตจะสัมพันธ์กับความจำทลดลงและเกิดภาวะความจำเสอม
ี่
(22)
จากการศึกษา Mayo Clinical Cohort Study of Oophorectomy and Aging พบว่าสตรีที่ได้รับการ
ผ่าตัดนำรังไข่ออกก่อนเข้าสู่วัยหมดประจำเดือนตามธรรมชาติจะมีความเสี่ยงในการมีความจำลดลงหรือเกิด
ภาวะความจำเสื่อมได้มากกว่าสตรีกลุ่มอายุเดียวกันอย่างนัยสำคัญทางสถิติ (HR 1.46, 95% CI: 1.13-1.90)
และพบว่าความเสี่ยงจะสูงขึ้นเมื่ออายุขณะเข้ารับการผ่าตัดน้อยลง สอดคล้องกับการศึกษาของ Phung TK
และคณะ ที่พบว่าสตรีที่ได้รับการผ่าตัดนำรังไข่ออกทั้ง 2 ข้างจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิด early-onset
(23)
dementia ก่อนอายุ 50 ปี อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (RR 2.33, 95% CI: 1.44-3.77) นอกจากนี้ยังพบว่า
ภาวะหมดประจำเดือนจากการผ่าตัดเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค Alzheimer disease และ Parkinson
(17)
disease อีกด้วย อย่างไรก็ตามการใช้การรักษาด้วยฮอร์โมนเพื่อลดความเสี่ยงและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับความ
ผิดปกติของระบบประสาทและความจำยังไม่มีหลักฐานชัดเจน
(24)
• ปัญหาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์
ฮอรโมนเอสโตรเจนและเทสโทสเตอโรนมีบทบาทสำคัญเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ ดังนั้นเมื่อปริมาณของ
ู
ฮอร์โมนทั้ง 2 ชนิดในร่างกายลดลงจะนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ได้ โดยเฉพาะสตรีที่เข้าส่ภาวะ
หมดประจำเดือนจากการผ่าตัดซึ่งระดับฮอร์โมนดังกล่าวลดลงอย่างชัดเจนและรวดเร็วจึงอาจพบปัญหา
Incidental salpingectomy and oophorectomy in reproductive aspect 266

