Page 105 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 105

๘๔


                       ๓.๒ ความหมายและโครงสร้างของคัมภีร์มิลินทปัญหา

                                 ค าว่า มิลินทปัญหา มาจาก ๒ค า ประกอบด้วยค าว่า มิลินท หรือ มิลินท์ มาจากค าภาษา

                       กรีกว่า เมนันครอส (Menandros) เป็นชื่อของกษัตริย์พระนามว่ามิลินท์ เป็นองค์เดียวกับพระเจ้า
                                                              ุ
                       เมนันเดอร์ กษัตริย์ชาติอนโดกรีก ซึ่งเป็นผู้ทรงอปถัมภ์และสนับสนุนพระพุทธศาสนาที่ส าคัญพระองค์
                                           ิ
                                            ๒๙
                                                                                           ั
                       หนึ่ง ระหว่างศตวรรษที่ ๒ และค าว่า ปัญหา หมายถึง ค าถาม ข้อสงสัย ข้อติดขัดอดอั้น ข้อที่ต้องคิด
                       ต้องแก้ไข เมื่อรวมค าทั้งสองเข้าด้วยกันแล้วจึงเป็นค าว่า “มิลินทปัญหา” แปลว่า ปัญหาของพระเจ้ามิ
                       ลินท์ เป็นการตั้งชื่อบุคคลส าคัญในที่นี้ คือ พระเจ้ามิลินท์ ได้ถามปัญหาข้อต่าง ๆ มากมายกับพระ

                                                                                         ๓๐
                       นาคเสน จึงได้ก าหนดชื่อคัมภีร์นี้ว่า “ปัญหาของพระเจ้ามิลินท์หรือมิลินทปัญหา”
                                 มิลินทปัญหา (The MilindaPañhã or The Questions of King Milinda) ได้เป็นคัมภีร์

                       อนส าคัญของพระพทธศาสนาซึ่งมีความโดดเด่นยิ่งนอกเหนือจากพระไตรปิฎกแล้วไม่มีวรรณคดี
                        ั
                                        ุ
                                        ื่
                            ุ
                       พระพทธศาสนาเล่มอนใดเสมอเหมือนและเป็นคัมภีร์ที่เกิดจากการสัประยุทธ์ทางปัญญาและความคิด
                       ระหว่างพระเจ้ามิลินท์หรือพระเจ้าเมนันเดอร์ (Menandrosในภาษากรีก) ซึ่งเป็นกษัติย์เชื้อสายกรีก
                                                                                                 ุ
                       กับพระนาคเสนเถระข้อข้อสงสัยต่าง ๆหรือความไม่รู้จริงของพระเจ้ามิลินท์ที่มีต่อพระพทธศาสนา
                       พระนาคเสนเถระก็ได้ท าให้แจ่มแจ้งเป็นที่พอใจพระเจ้ามิลินท์จึงท าให้วรรณคดีปุจฉาวิสัชนาเกิดขนใน
                                                                                                      ึ้
                       โลกนี้และมีความส าคัญไว้เป็นแนวในการวิสัชนาปัญหาต่าง ๆส าหรับผู้ยังมีความสงสัยในพระรัตนตรัยและ

                       พระพทธเจ้าได้ทุกยุคสมัยคัมภีร์มิลินทปัญหาถือว่าเป็นคัมภีร์อรรถกถาสายพระสุตตันตปิฎกที่แต่งขึ้น
                           ุ
                                                                          ๓๑
                       เพื่ออธิบายความในพระสุตตันตปิฎกให้มีเนื้อความชัดเจนยิ่งขึ้น

                                                                                          ุ
                                 มิลินทปัญหา เป็นคัมภีร์เก่าแก่และมีความส าคัญคัมภีร์หนึ่งในพระพทธศาสนา แต่งขึ้น
                       ประมาณพุทธศักราช ๕๐๐ แต่ไม่ปรากฏผู้แต่งปรากฏตามมธุรัตถปกาสินีซึ่งเป็นฎีกาแห่งมิลินทปัญหา

                                                   (๑)
                                                            ุ
                       ที่แต่งโดยพระมหาติปิฎกจุฬาภัย ว่าพระพทธโฆษาจารย์เป็นผู้แต่งนิทานกถาและนิคมกถาส่วนตัว
                                           (๒)
                       ปัญหาไม่ปรากฏผู้แต่ง  โดยมีข้อความที่เกี่ยวข้องกับการจัดหมวดหมู่ตามลักษณะของปัญหาดัง
                       ข้อความตอนหนึ่งในมิลินทปัญหา ดังนี้

                                 “ในมิลินทปัญหานี้มี ๖ สถาน คือ แก้ด้วยปุพพปโยคสถาน ๑ มิลินทปัญหาสถาน ๑

                                                                                  ุ
                       เมณฑกปัญหาสถาน ๑ อนุมานปัญหาสถาน ๑ ลักขณปัญหาสถาน ๑ อปมากถาปัญหาสถาน ๑เป็น





                                 ๒๙ อ้างแล้ว.

                                 ๓๐ อ้างแล้ว.
                                 ๓๑ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, พระไตรปิฎก: ประวัตและความส าคัญ, (กรุงเทพมหานคร:
                                                                            ิ
                       โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๓๓), หน้า๘๑.
   100   101   102   103   104   105   106   107   108   109   110