Page 103 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 103
๘๒
ผลสรุปพระนาคเสนมีชัยสามารถท าให้พระเจ้ามิลินท์ยอมจ านนต่อค าวิสัชนาของพระนาค
ุ
เสน ศรัทธาในพระพทธศาสนา ถึงกับยอมรับนับถือพระพทธศาสนาเป็นสรณะ พระองค์นั้นได้เปล่ง
ุ
ุ
วาจาเป็นพทธมามกะตลอดพระชนม์ชีพ พระองค์ได้เป็นศาสนูปถัมภกบูรณปฏิสังขรณ์พระสถูปวิหาร
และคณะสงฆ์จนท าให้ พุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้งนี้
๒๗
๓.๑.๔ ประวัติพระนาคเสน
ในพาหิรกถาแห่งวรรณกรรมมิลินทปัญหา กล่าวไว้ว่า พระนาคเสนเป็นเทวดาในสวรรค์
ิ
ชั้นดาวดึงส์ชื่อมหาเสนเทพบุตรจุติ ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ตามค าเชิญของท้าวสักกะ (พระอนทร์) และ
ั
ิ
พระอรหันต์ทั้งหลาย ซึ่งมีพระอสสคุตตเถระเป็นประธาน ท่านเป็นชาวอนเดียตอนเหนือ เกิดใน
วรรณะพราหมณ์ ณ หมู่บ้านพราหมณ์ชื่อ ว่ากชังคละ (Kajangala) อยู่แถบภูเขาหิมาลัย ติดพรมแดน
ด้านตะวันออกของมัธยมประเทศ (Middle Country) บิดาของท่านเป็นพราหมณ์ชื่อว่าโสณุตตระ
มารดาของท่านชื่ออะไรไม่ปรากฏ ทราบแต่ว่าเป็นคนในวรรณะพราหมณ์เช่นเดียวกัน ส่วนตัวพระ
นาคเสนเองมีชื่อเดิมว่า นาคเสนกุมาร แต่บางครั้งบิดามารดาและคนอน ๆ เรียกชื่อท่านว่า “นาค
ื่
เสน” บ้าง “สุรเสน” บ้าง “วีรเสน” บ้าง “สีหเสน” บ้าง
คัมภีร์มิลินท์ปัญหากล่าวไว้ว่า ตอนที่นาคเสนกุมารมา ปฏิสนธิในครรภ์มารดา ปรากฏมี
อัศจรรย์ ๓ อย่างเกิดขึ้น คือ
๑. ศาสตราวุธทอแสงโพลงขึ้น
๒. ข้าวกล้าในนาที่ยังไม่ออกรวงก็ออกรวงสุกพร้อมเกี่ยว
๓. เกิดมีฝนตกลงมาห่าใหญ่
เมื่อนาคเสนกุมารอายุได้ ๗ ปี บิดามารดาก็จัดการให้เขาได้รับการศึกษาตามธรรมเนียม
พราหมณ์ และปรากฏว่านาคเสนกุมารนี้เป็นเด็กฉลาด เรียนอะไรรู้และเข้าใจได้ไว จนเรียนจบคัมภีร์
พระเวททั้ง ๓ คือ ฤคเวท ยชุรเวท และสามเวท ซึ่งรวมทั้งคัมภีร์ อถรรพเวทด้วย อันเป็นวิทยาประจ า
ตระกูลพราหมณแม่นย าช านาญ ตลอดจนเรียนรู้เชี่ยวชาญในคัมภีร์นิคัณฑศาสตร์ คัมภีร์เกฎภศาสตร์
์
ั
ิ
คัมภีร์อติหาลศาสตร์ อกษรศาสตร์ มหาปุริลักษณพยากรศาสตร์ และยังมีความรู้ดีในศาสตร์ทางโลก
ี
ด้วย เช่น วิชาประวัติศาสตร์และศิลปศาสตร์อกหลายสาขาต่อมาหนุ่มน้อยนาคเสนกุมารเกิดความ
เลื่อมใสในพระโรหณเถระ ซึ่งพยายามมาบิณฑบาตที่บ้านของโสณุตตรพราหมณ์อยู่ถึง ๗ ปี ๗ เดือน
เพอจะชักน าให้นาคเสนกุกมารเข้ามาบวชในพระพทธศาสนา นาคเสนกุมารได้ขออนุญาตมารดาบวช
ุ
ื่
๒๗ คณะศิษยานุศิษย์วันล้ออายุ, อินเดียน้อย คู่มือการจาริกแสวงบุญในอินเดีย, (กรุงเทพมหานคร: ท. ี
์
พี. พรินท, ๒๕๓๙), หน้า ๖๕๙.

