Page 17 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 17
๓
ุ
พทธศาสนาเชิงวิชาการท าให้เกิดแนวคิดเชิงปรัชญาในการศึกษาพทธธรรมแม้จะมีนัยเชิงศาสนาและ
ุ
ุ
ื่
ปรัชญารวมกันอยู่แต่โดยวัตถุประสงค์ที่พระพทธเจ้าทรงแสดงธรรมก็เพอความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์
เพื่อล่วงโสกะและปริเทวะเพอดับทุกข์และโทมนัสเพื่อบรรลุญาณธรรมเพอท าให้แจ้งนิพพานทั้งหมดนี้
ื่
ื่
เป็นวัตถุประสงค์เชิงจริยธรรมไม่ใช่เชิงภววิทยาศาสนามีศรัทธาเป็นพนฐานส่วนปรัชญามีปัญญา
ื้
ุ
ื้
ื้
(Reasoning การให้เหตุผล) เป็นพนฐานพระพทธศาสนามีทั้งหลักศรัทธาและปัญญาเป็นพนฐานจึง
เป็นได้ทั้งศาสนาและปรัชญา
๕
อภิปรัชญาในยุคต้นพทธกาลนั้นเป็นแนวคิดปัญหาที่สมณพราหมณ์ในยุคนั้นถกเถียงกัน
ุ
เพอแสวงหาความเป็นจริงเกี่ยวกับโลกจักรวาลวิญญาณที่ไม่เกี่ยวข้องกับการด าเนินชีวิตแต่เป็นการ
ื่
ค้นหาความจริงที่อยู่นอกเหนือปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ถือเป็นลักษณะของอภิปรัชญาว่าด้วยการ
พิสูจน์ความเป็นจริงหรือไม่จริงความมีอยู่หรือไม่มีอยู่ของโลกของคนและของวิญญาณถือเป็นปัญหาที่
ั
ื่
นักปรัชญาทุกยุคให้ความส าคัญเป็นอนดับต้น ๆที่ผู้ศึกษาทางด้านปรัชญาต้องศึกษาเพอไขข้อข้องใจ
ั
ซึ่งนักปรัชญาในทุก ๆยุคต่างก็ให้ความส าคัญในเรื่องจักรวาลสากลโลกเป็นเรื่องของความสนใจอนดับ
หนึ่งเพราะเป็นเรื่องที่ท้าทายให้ศึกษาหาคาตอบว่ามาอย่างไรจากไหนประกอบด้วยอะไรและจะเป็นไป
อย่างไรต่อไปถือว่าเป็นลักษณะทางอภิปรัชญา (Metaphysics) ล้วน ๆนั้นเพราะค าถามทั้งหมดมุ่งตรง
ไปยังสิ่งที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์หรือสิ่งที่ประสาทสัมผัสทั้ง๕ไม่สามารถเข้าถึงได้เป็นการคาดคะเน
หรือคาดเดาโดยก็ต้องอาศัยการตั้งสมมติฐานแล้วหาความจริงโดยอาศัยเหตุผลเชิงตรรกะเข้าไปค้นหา
แล้วจะได้ความจริงมาชุดหนึ่งความจริงเหล่านี้ก็เกิดจากการคาดคะเนหรือคาดเดาของกลุ่มทิฏฐิ
ใดทิฏฐิหนึ่ง
ุ
มิลินทปัญหา ถือเป็นคัมภีร์ส าคัญคัมภีร์หนึ่งในพระพทธศาสนาซึ่งเชื่อกันว่าแต่งโดยพระ
ั
ุ
ปิฎกจุฬาภัย ในขณะที่พระพทธศาสนามีอายุล่วงมาได้ ๕๐๐ ปีอนอยู่ภายหลังจากยุคของพระเจ้า
ื่
็
อโศกมหาราช จุดมุ่งหมายของการแต่งกเพอให้เป็นคัมภีร์ที่ช่วยส าหรับอธิบายพระธรรมวินัย โดยที่ผู้
แต่งได้น าเค้าเรื่องในประวัติศาสตร์ของพระเจ้ามิลินท์ (เมนันเดอร์) กษัตริย์กรีกที่ขยายอิทธิพลของเข้า
มาทางตอนเหนือลุ่มแม่น้ าคงคาในปีพ.ศ. ๓๙๒ มารจนาโดยให้มีลักษณะของการโต้ตอบปัญหา
๖
ระหว่างกษัตริย์เมนันเดอร์กับ พระนาคเสน ทั้งนี้ในการถามตอบปัญหานั้นเป็นไปในหลายลักษณะ คือ
การใช้การอนุมาน (คาดคะเน) และอปมา (การเปรียบเทียบ) การใช้วิธีย้อนถามเพอให้ผู้ถามตอบเอง
ุ
ื่
๕ พระศรีคัมภีรญาณ (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ), พทธปรชญา, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลง
ั
ุ
กรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๖), หน้า๕๒-๕๓.
์
ิ
๖ เสถียร โพธินันทะ,ประวัตศาสตรพระพทธศาสนา, พิมพ์ครั้งที่ ๔, (กรุงเทพมหานคร:มหามกุฏราช
ุ
วิทยาลัย, ๒๕๒๐), หน้า ๑๖๖.

