Page 36 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 36
๒๒
๓) ปรัชญาตะวันตกมุ่งเข้าหาโลกหรือสังคมบางทฤษฎีได้วางกฎการเมืองยั่วยุให้เกิดการ
ี
ปฏิบัติ สร้างความเป็นอภิมนุษย์ (Super Man) ขึ้นในตน ส่วนปรัชญาตะวันออกมลักษณะที่จะมุ่งให้ผู้
ปฏิบัติหลีกเว้นจากโลกีย์ ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนวุ่นวายแก่โลก ส่งเสริมให้โลกมีสันติธรรมและ
สงบสุขอย่างยิ่ง
๔) ปรัชญาตะวันตกมุ่งหนักไปในทางสมัชชภาพ หรือสากลจักรวาล ส่วนปรัชญา
ตะวันออกมุ่งเน้นไปในส่วนของปัจเจกบุคคล
๕) ปรัชญาตะวันตกมุ่งให้ผู้ปฏิบัติตกอยู่ในโลกียปัญญา อันเป็นปัญญาขั้นต่ า ส่วนปรัชญา
ื่
ั
ตะวันออกมุ่งเพอให้ผู้ปฏิบัติเข้าถึงความจริงอย่างแท้จริง (Ultimate reality) อนเป็นปัญญาขั้น
โลกุตตระ
๖) ปรัชญาตะวันตกเน้นหนักในทางวัตถุนิยมเป็นส่วนมาก ส่วนปรัชญาตะวันออก
เน้นหนักในด้านจิตนิยมหรือวิญญาณนิยมส่วนมาก
๕
๒.๑.๓ การนิยามความหมายของนักปรัชญา
การนิยามความหมายของค าว่า “Philosophy” มีลักษณะตามที่กล่าวมาแล้วเฉพาะ
ตอนต้นของสมัยกรีกเท่านั้น ต่อมาความหมายของปรัชญาได้มีการเปลี่ยนแปลงไปตามลักษณะของ
แนวความคิด และสภาวะแวดล้อม
นักปรัชญาบางคน ให้ความหมายอนแท้จริงของปรัชญาว่า หมายถึงหลักแห่งความรู้และ
ั
ความจริงอันสูงสุด อันเป็นอันติมะ ส่วนนักปรัชญาบางกลุ่มก็นิยามความหมายว่า ปรัชญา คือความรู้ที่
สากลและจ าเป็น (Universal and Necessary Knowledge) ที่บอกว่าเป็นความรู้ที่สากล
(Universal Knowledge) เพราะเป็นความรู้ที่ใช้อธิบายทุกสิ่งทุกอย่างได้ ที่บอกว่าเป็นความรู้ที่
จ าเป็น (Necessary Knowledge) เพราะเป็นความรู้ที่จ าเป็นต้องรู้และจ าเป็นส าหรับสรรพวิชา
เนื่องจากวิชาทั้งปวงต้องมีปรัชญาเป็นหลัก
ด้วยเหตุที่ปรัชญามีลักษณะกว้างมาก จึงมีนักปรัชญาและนักภาษาศาสตร์หลายท่าน
ตั้งแต่สมัยโบราณ จนกระทั่งปัจจุบัน ที่พยายามจะนิยามความหมาย หรือให้ข้อจ ากัดความของค าว่า
“ปรัชญา” เอาไว้ อาทิเช่น
๕ บุญมี แท่นแก้ว, ปรชญาฝายบุรพาทิศ, (กรุงเทพมหานคร: ส านักพิมพ์โอเดียนสโตร์,๒๕๔๕), หน้า
่
ั
๑-๒.

