Page 38 - การวิเคราะห์อภิปรัชญาที่ปรากฎในสารัตถะแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา
P. 38
๒๔
of Principle) ซึ่งมีลักษณะที่กว้างมาก เพราะหลักการ หรือทฤษฎีนั้น เป็นหัวใจของศาสตร์ทุกแขนง
ด้วยเหตุที่ว่าศาสตร์ใดขาดหลักการหรือหลักปรัชญา ก็ย่อมเป็นศาสตร์ไม่ได้ นักปราชญ์ท่านจึงกล่าว
ว่า ไม่มีศาสตร์ใดจะสมบูรณ์ ถ้าขาดหลักปรัชญา (No Science is complete without
Philosophy)
เมื่อเป็นเช่นนั้น เราอาจสรุปได้ว่า ปรัชญาเป็นความรู้ที่สากลและจ าเป็น กล่าว คือใช้ได้
กับทุกวิชา และทุกวิชาต้องมีหลักปรัชญาด้วย
๖
๒.๑.๔ ระบบปรัชญา (Systems of Philosophy)
ปรัชญามี ๒ลักษณะดังนี้
๑) ปรัชญาที่ไม่เป็นระบบ ได้แก่ ความคิดของนักคิดคนใดคนหนึ่งเกี่ยวกับปรัชญาสาขา
ใดสาขาหนึ่ง เกิดขึ้นมาพร้อมกับมนุษย์เริ่มมีความสงสัยในสิ่งแวดล้อม หรือในธรรมชาติ
๒) ปรัชญาที่เป็นระบบ ได้แก่ แนวความคิดที่จะต้องประกอบด้วยพนฐานปรัชญา และตัว
ื้
ปรัชญา คือจะต้องประกอบด้วยญาณวิทยาและอภิปรัชญาเป็นอย่างน้อย อาจจะมีความคิดเกี่ยวกับ
จริยศาสตร์ สุนทรียศาสตร์ด้วยก็ได้
ปรัชญาที่เป็นระบบนี้ ทางตะวันตก เริ่มต้นตั้งแต่สมัยของธาเลสที่มีชีวิตอยู่ในราวศตวรรษ
ที่ ๖ ก่อนค.ศ. เป็นนักปรัชญาคนแรกที่ปฏิเสธความเชื่อของศาสนาและเป็นผู้มีความสนใจในการ
แสวงหาความจริงของโลกที่อยู่ล้อมรอบตัวมนุษย์ ซึ่งหมายถึงโลกที่ประกอบไปด้วยวัตถุต่าง ๆ ความ
อยากรู้อยากเห็นของนักปรัชญากลุ่มนี้รู้จักในนามกลุ่มไอโอเนียที่มุ่งศึกษาปัญหาที่ว่าโลกของเรามีสิ่ง
ต่าง ๆ หลายอย่างเหลือจะคณนา มีอะไรบางอย่างหรือไม่ที่เป็นต้นตอร่วมกันของสรรพสิ่งซึ่งเป็นต้น
๗
ก าเนิดร่วมกันของสรรพสิ่ง เพราะถือว่าในระยะนั้นได้มีการก่อตั้งส านักต่าง ๆ ขึ้นสั่งสอนปรัชญา โดย
แบ่งเป็นแนวคิดทางอภิปรัชญาและญาณวิทยาอย่างเด่นชัด ทางตะวันออก เริ่มต้นตั้งแต่สมัยพระเวท
ของอินเดียโบราณ เป็นต้นมานอกจากนี้แล้ว ปรัชญาที่เป็นระบบ ยังแบ่งออกเป็น ๒แบบ คือ
๑) ปรัชญาบริสุทธิ์ได้แก่ ปรัชญาที่ว่าด้วยทฤษฎีหรือแนวความคิดล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับการ
น าไปประยุกต์ใช้ หรือการน าไปปฏิบัติ มี ๓สาขา คือ อภิปรัชญาญาณวิทยา และคุณวิทยา
๖ อ้างแล้ว.
ุ
ั
๗ วิทย์ วิศทเวทย์, ปรชญาทั่วไปฉบับปรบปรงใหม่, (กรุงเทพมหานคร: ไทยร่วมเกล้าจ ากัดฝ่ายการ
ั
พิมพ์,๒๕๔๐), หน้า ๒๐-๒๑.

