Page 5 - อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
P. 5
เคมีเกิดขึ้นอย่ำงรวดเร็ว แต่พบว่ำกำรชนกันของอนุภำคไม่สำมำรถทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมีได้ทุกครั้ง
ั้
จะมีเพียงบำงครงเท่ำนั้นที่มีปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น
จำกกำรศึกษำพบว่ำในกำรเคลื่อนที่จะเกิดกำรชนกันระหว่ำงอนุภำคของสำร ท ำให้มีพลังงำน
ิ
ี่
จลน์เกิดขึ้น ถ้ำชนในทิศทำงทเหมำะสมก็เกิดปฏิกริยำเคมีได้ ดังนั้นกำรเกิดปฏิกริยำเคมีต้องอำศัยทิศ
ิ
ทำงกำรชนและพลังงำนจลน์ที่มำกพอ ซึ่งกล่ำวไว้ใน
“ทฤษฎีกำรชนกัน” (Collision Theory) กล่ำวไว้ว่ำ
“ปฏิกิริยำเคมีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ต่อเมื่ออนุภำคมีกำรชนกันในทิศทำงที่เหมำะสม และเกิด
พลังงำนขึ้นปริมำณหนึ่งอย่ำงน้อยที่สุดต้องมีค่ำพลังงำนเท่ำกับ หรอ มำกกว่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ
ื
พลังงำนก่อกัมมันต์” ซึ่งต้องพิจำรณำตำมล ำดับ ดังนี้
1. มีกำรชนกันระหว่ำงโมเลกุลของสำรตั้งต้น
2. ทิศทำงกำรชนต้องเหมำะสมและชนถูกต ำแหน่ง
ั
3. ชนกันแล้วต้องเกิดพลังงำนขึ้นมำกพอที่จะมีกำรจัดเรียงอะตอมใหม่ ซึ่งพลงงำนมีค่ำน้อย
ที่สุดเท่ำกบค่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ พลงงำนก่อกมมันต์ (Activation Energy of Reaction; Ea)
ั
ั
ั
4. ผลของกำรชนกันท ำให้พันธะเดิมของสำรตั้งต้นสลำยไปเกิดเป็นพันธะใหม่ของสำร
ผลิตภัณฑ์
รูปที่ 1 ภำพกำรชนกันระหว่ำงโมเลกุลของ I และ H 2
2

