Page 16 - ชุดกิจกรรมอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
P. 16

16


                                     ิ
                       อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำช่วงเวลำใดก็คือควำมชัน(slope) ของเส้นกรำฟที่ลำกเชื่อมต่อระหว่ำงเวลำ
               ในช่วงนั้นเช่นระหว่ำงช่วงเวลำ 100s – 600s, ระหว่ำงช่วงเวลำ 200s – 500s, หรืออัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำ
                      ี่
                                                            ี่
               วินำทีท 350 ก็คือควำมชันของเส้นกรำฟ ณ จุดสัมผัสท 350s
                                                    ∆[NO ]
                       จำกกรำฟ       ค่ำควำมชัน  =        2
                                                       ∆t
                                     ิ
                       อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำเฉลี่ยเป็นค่ำที่แสดงถึงกำรลดลงของปริมำณสำรตั้งต้นหรือกำรเพิ่มขึ้นของ
                                                                                    ิ
               ปริมำณสำรผลิตภัณฑ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดต่อหนึ่งหน่วยเวลำแต่อัตรำกำรเกิดปฏิกริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่ง
               เป็นค่ำที่แสดงถึงกำรลดลงของปริมำณสำรตั้งต้นหรอกำรเพิ่มขึ้นของปริมำณสำรผลิตภัณฑ์ ณ เวลำใดเวลำ
                                                         ื
               หนึ่งที่ปฏิกิริยำดำเนินอยู่ดังนั้นในปฏิกริยำหนึ่งจะมีอัตรำกำรเกิดปฏิกิริยำเฉลี่ยเพียงค่ำเดียวแต่อัตรำกำร
                                               ิ
               เกิดปฏิกริยำ ณ ขณะใดขณะหนึ่งมีได้หลำยค่ำ
                      ิ






                   3.  แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดปฏิกิริยาเคมี

                                       ิ
                                                                                                        ื
                         ในกำรเกิดปฏิกริยำเคมีอนุภำคของสำรตั้งต้นหรือสำรผลิตภัณฑ์ ซึ่งอำจเป็นโมเลกุล อะตอม หรอ

               ไอออนจะต้องชนกัน ถ้ำกำรชนกันทุกครั้งทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมี จะเป็นผลให้ปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้นอย่ำงรวดเร็ว

               แต่พบว่ำกำรชนกันของอนุภำคไม่สำมำรถทำให้เกิดปฏิกิริยำเคมีได้ทุกครง จะมีเพียงบำงครั้งเท่ำนั้นที่มี
                                                                          ั้
               ปฏิกิริยำเคมีเกิดขึ้น
                       จำกกำรศึกษำพบว่ำในกำรเคลื่อนที่จะเกิดกำรชนกันระหว่ำงอนุภำคของสำร ท ำให้มีพลังงำนจลน์

               เกิดขึ้น ถ้ำชนในทิศทำงที่เหมำะสมก็เกิดปฏิกริยำเคมีได้ ดังนั้นกำรเกิดปฏิกิริยำเคมีต้องอำศัยทิศทำงกำรชน
                                                    ิ
               และพลังงำนจลน์ที่มำกพอ ซึ่งกล่ำวไว้ใน

               “ทฤษฎีกำรชนกัน” (Collision Theory) กล่ำวไว้ว่ำ

                       “ปฏิกิริยำเคมีจะเกิดขึ้นได้นั้นก็ต่อเมื่ออนุภำคมีกำรชนกันในทิศทำงที่เหมำะสม และเกิดพลังงำนขึ้น
                                                        ั
                                                            ื
                                               ั
               ปริมำณหนึ่งอย่ำงน้อยที่สุดต้องมีค่ำพลงงำนเท่ำกบ หรอ มำกกว่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ พลังงำนก่อกัมมันต์”

               ซึ่งต้องพิจำรณำตำมลำดับ ดังนี้
                       1. มีกำรชนกันระหว่ำงโมเลกุลของสำรตั้งต้น
                       2. ทิศทำงกำรชนต้องเหมำะสมและชนถูกต ำแหน่ง

                                                                                     ั
                       3. ชนกันแล้วต้องเกิดพลังงำนขึ้นมำกพอที่จะมีกำรจัดเรียงอะตอมใหม่ ซึ่งพลงงำนมีค่ำน้อยที่สุด
               เท่ำกบค่ำ พลังงำนกระตุ้น หรือ พลังงำนกอกัมมันต์ (Activation Energy of Reaction; Ea)
                    ั
                                                  ่
                                                                                              ิ
                       4. ผลของกำรชนกันท ำให้พนธะเดิมของสำรตั้งต้นสลำยไปเกิดเป็นพันธะใหม่ของสำรผลตภัณฑ์
                                             ั







                                                                                                    ิ
                                                                                               ิ
                                                                                      อัตราการเกดปฏิกริยาเคมี
   11   12   13   14   15   16   17   18   19   20   21