Page 11 - แนวทางการผ่าตัดเจาะคอผู้ป่วย covid-19
P. 11

8


                        4.  การป้องกันการติดเชื้อ  หลังการเจาะคอ  หลอดลมจะมีทางติดต่อกับอากาศภายนอกโดยตรง  โดย

               ไม่มีสิ่งใดป้องกัน  เสมหะที่เกิดในทางเดินหายใจก็สามารถปนเปื้อนไปที่แผลเจาะคอได้โดยตรง  การใช้เทคนิค

               ปลอดเชื้อ  และเครื่องมือในการดูดเสมหะ,  การป้องกันสิ่งแปลกปลอมจากภายนอกเข้าไปในหลอดลมโดยตรง

               และการดูแลท าความสะอาดบริเวณแผลเจาะคอ และเปลี่ยนผ้าก๊อสทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1- 2 ครั้ง หรือเมื่อ

               เปียกแฉะ จะช่วยป้องกันการติดเชื้อบริเวณรอบแผลเจาะคอและในหลอดลมได้เป็นอย่างดี

                       5. การท าให้ทางเดินหายใจกว้างอยู่ตลอดเวลา ในช่วง 48-72 ชั่วโมงแรก หลังการเจาะคอ ถือว่าเป็น

               ช่วงเวลาที่อันตราย  เนื่องจากยังไม่มีการสร้างทางเชื่อมระหว่างท่อหลอดลมคอและ  ผิวหนังบริเวณล าคออย่าง

               ชัดเจน  จึงไม่แนะน าให้เปลี่ยนท่อหลอดลมคอในช่วงเวลานี้  เพราะอาจเป็นอันตรายได้  และเพื่อป้องกันท่ออุด


               ตันจากเสมหะ  ท่อ  2  ชั้นที่มีทั้งท่อหลอดลมคอชั้นนอก  และชั้นใน  ควรล้างท่อหลอดลมคอชั้นใน  ทุกๆ  4-6

               ชั่วโมง และทุกครั้ง ที่ผู้ป่วยรู้สึกหายใจไม่สะดวก

                                           ุ
                        6. การเอาลมออกจากถงลม (deflating the cuff) และการเอาท่อหลอดลมคอออก เมื่อหมดข้อบ่งชี้
               ของการใช้ถุงลมแล้ว  ต้องเอาลมออกจากถุงลม  หรือ  เปลี่ยนเป็นท่อหลอดลมคอชนิดไม่มีถุงลม  เพื่อป้องกัน

               ภาวะแทรกซ้อนดังกล่าวข้างต้น เช่น หลังเจาะคอใหม่ๆ อาจจ าเป็นต้องใช้ท่อหลอดลมคอชนิดพลาสติกซึ่งมีถุง

               ลมอยู่ด้านข้าง เพื่อยึดให้ท่ออยู่กับที่ ประมาณ 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น ควรเอาลมในถุงลมที่ติดกับท่อออก และ

               ประมาณ 72 ชั่วโมงหลังเจาะคอ ควรเปลี่ยนเป็นท่อซึ่งไม่มีถุงลม ซึ่งมีทั้งชนิดพลาสติกและโลหะ เนื่องจากจะ

               ล้างและท าความสะอาดได้ง่ายกว่า

                       ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

                       1. เลือดออก อาจเกิดขึ้นได้หลังการเจาะคอ เป็นวันหรือเดือน เลือดที่ออกจากทางเชื่อมต่อระหว่างท่อ

               หลอดลมคอ และเส้นเลือดใหญ่ (tracheo-innominate artery fistula) อาจรุนแรงและถึงแก่ชีวิตได้ ต าแหน่ง

               ที่มักเกิดทางเชื่อมต่อดังกล่าวได้  คือบริเวณถุงลม  และ  ปลายท่อ  ซึ่งมีการกดเบียดด้านหน้าของหลอดลมคอ

               เป็นเวลานาน  จนเกิดเนื้อเยื่อตาย  และทะลุไปทางด้านหน้า  ติดต่อไปยังเส้นเลือดใหญ่  โดยเริ่มต้นมักจะมี

               เลือดออกปริมาณไม่มากน ามาก่อน จากนั้นก็จะตามมาด้วยเลือดออกปริมาณมาก และ รุนแรง จนผู้ป่วยเข้าสู่

               ภาวะช็อคได้


                       2.ลมรั่วเข้าเยื่อหุ้มปอด, ช่องอก, มีลมรั่วมาอยู่ใต้ผิวหนัง
                       3. รอยโรคที่กล่องเสียง และหลอดลมคอ การกดทับเยื่อบุหลอดลมคอจากถุงลม เป็นระยะเวลานานๆ,


               การระคายเคืองเยื่อบุหลอดลมคอจากปลายท่อ,  ระยะเวลาที่คาท่อไว้,  ชนิดวัสดุที่ใช้ท าท่อ  และขนาดของท่อ,

               การติดเชื้อ  และการตัดกระดูกออนออกมากเกินไป  มีผลท าให้เกิดรอยโรคได้ตั้งแต่  แผลที่เยื่อบุ,  เนื้อเยื่อการ
                                          ่
               อักเสบเหนือรูเจาะคอ (suprastomal granuloma), กระดูกออนอักเสบ, ผนังหลอดลมคอออนตัว จนถึง กล่อง
                                                                  ่
                                                                                          ่
   6   7   8   9   10   11   12   13   14   15   16