Page 59 - ปกงานวิจัย
P. 59

จากวัตถุประสงค์ข้อที่ 2 เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ผ่านการ
                       จัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบผสมผสาน มีค่าเฉลี่ยของคะแนนจากแบบสอบวัดเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์

                       (x̅=4.53,S.D.=0.66) ซึ่งวัดหลังจบการเรียนทั้งในด้านการวิเคราะห์รายด้านคือ ความคิดเห็นทั่วไปต่อวิชา

                       วิทยาศาสตร์ การเห็นความส าคัญของวิชาวิทยาศาสตร์ ความนิยม ชมชอบต่อวิชาวิทยาศาสตร์ ความ
                       สนใจในวิชาวิทยาศาสตร์ การแสดงออก หรือมีส่วนร่วมในกิจกรรมของวิชาวิทยาศาสตร์ และการ

                       วิเคราะห์รวมทุกด้าน ปรากฏว่า กลุ่มทดลองมีเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์ดีกว่ากลุ่มควบกุม ซึ่งผลการวิจัย
                                  ั
                       นี้สอดคล้องกบแนวคิดของบลูม (Bloom 1982) ซึ่งได้กล่าวว่า ผู้ที่ได้รับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสูงจะช่วย
                                                                                            ิ่
                       เพมเจตคติที่ดีต่อวิชานั้นในทางบวก และในทางกลับกัน เจตคติทางบวก ก็จะช่วยเพมผลสัมฤทธิ์ทางการ
                         ิ่
                       เรียนให้สูงขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับผลการวิจัยของ จอห์น ดับบลิว บัทซาว,แอล วิลเลียม ลินซ์
                       และรอน เอ เครค (John W.Butzow. L. William Linz and Roy A.Drake 1977 : 45-49 ) ได้ศึกษา

                       ความสัมพันธ์ระหว่างเจตคติกับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีของนักศกษาระดับมหาวิทยาลัย โดยกลุ่ม
                                                                                  ึ
                                                                            ื้
                       ตัวอย่างเป็นนักศึกษา ชาย จ านวน 103 คน ที่เรียนวิชาเคมีพนฐานที่สถาบันเมน แมรี่ไทมั (Maine
                       Maritime Academy)ผลการวิจัยพบว่า เจตติต่อวิชาเคมี เจตคติต่อวิชาการสอน และเจตคติรวมทั้งหมด

                       มีความสัมพันธ์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน วิชาเคมีอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ  เอล ดับบลิว โฮ และเอ็ม เก
                                                                                       ั
                       ไปเปอร์ ( L.W. Hough and M.K.Piper 1982 : 33 -38 ได้ศึกษาความสัมพนธ์ระหว่างเจตคติต่อวิชา
                       วิทยาศาสตร์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ ตัวอย่างประชากรเป็นนักเรียนเกรด 4,5และ 6

                       จ านวน 583 คน ผลการวิจัยพบว่า เจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์กับผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
                                 ั
                       มีความสัมพนธ์กันทางบวกอย่างมีข้อส ากัญทางสถิติ ( r = 0.45 ) มาร์ลีน เอ แฮมิลตัน( Marlene A.
                                                                ั
                       Hamilton 1982 : 155-169) ได้ศึกษาความสัมพนธ์ระหว่างเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์กับคะแนนสอบ
                       วิชาวิทยาศาสตร์ในการสอบเข้าศึกษาต่อของนักเรียนในจาไมกา จ านวน 576 คนเจตคติต่อวิชา
                       วิทยาศาสตร์กับคะแนนวิชาวิทยาศาสตร์ในการสอบเข้าศึกษาต่อมีความสัมพนธ์กันทางบวกอย่างมี
                                                                                          ั
                       นัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 โมฮัมเมด สุ'ไลมาน อับดุลราห์มาน แอลรูวาชิด ( Mohammed Suliman
                       Abdulrahman Al Ruwashid 1984 : 1357 A) ศึกษาผลของการสอนแบบบรรยายกับการสอนแบบ

                       ปฏิบัติการทดลองประกอบการบรรยายต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีและเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์
                       ของนักเรียนโงเรียนมัธยมระมาร์ค ประเทศซาอดิอารเบียจ านวน /129| คน ผลการวิจัยพบว่านักเรียนที่
                                                              ุ
                       ได้รับการสอนแบบปฏิบัติการณ์ทดลองประกอบการบรรยายมีเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์สูงกว่านักเรียนที่

                                                                                                        ั
                       ได้รับการสอบแบบบรรยายอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติและเจตคติต่อวิชาวิทยาศาสตร์มีความสัมพนธ์กับ
                                                                                                        ั
                                                 ี
                       ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติและเจตคติต่อวิชาวิทยาศาตร์มีความสัมพนธ์กับ
                                                                                                           ั
                       ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาเคมีอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติ ปาจรีย์ วัชชวัลคุ (2527) ได้ศึกษาความสัมพนธ์
   54   55   56   57   58   59   60   61   62