Page 15 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 15
13
อาณาจกั รสโุ ขทยั ได้เสื่อมลงเมื่อ พ.ศ. 1921 ตอ่ มาเป็นเมอื งข้นึ กรงุ ศรีอยธุ ยา แตก่ ็ยงั มกี ษัตรยิ ์ราชวงศ์
เชียงรายสุโขทัยได้ครองครองกรงุ ศรีอยุธยาหลายพระองค์
การทหารสมยั กรงุ ศรอี ยุธยา
ววิ ัฒนาการแหง่ การยทุ ธในสมยั กรุงศรอี ยุธยาได้มกี ารดัดแปลงแกไ้ ขเมอ่ื รชั สมัยสมเดจ็ พระบรมไตรโลก
นารถ ทรงให้แยกแบ่งกิจการทหารกับพลเรือนแยกออกจากกัน เช่น ขุนนางตำแหน่งทางทหารให้เป็น
สมุหกลาโหม พลเรือนเป็นสมุหนายก ขุนเมืองเป็นพระนครบาล ขุนวังเป็นพระธรรมธิกรณ์ ขุนนาเป็นพระ
เกษตร ขุนคลงั เป็นพระโกษาธิบดี
ดา้ นยุทธศาสตร์
การเปลี่ยนแปลงด้านยทุ ธศาสตร์ สมเด็จพระจักรพรรดิทรงเห็นว่า บรรดาป้อมปราการที่มีอยู่ของ
เมืองพระยามหานครนั้น เปรียบเหมือนดาบสองคม ถ้าฝ่ายเราสามารถรักษาไว้ได้ก็จะเป็นประโยชน์แก่ฝ่าย
เรา แต่ถ้าปอ้ งกนั ไว้ไม่ได้ เม่ือขา้ ศึกยดึ ได้แล้ว ก็จะเปน็ ประโยชน์แกฝ่ ่ายข้าศึก ดงั นั้นจงึ ทรงดำเนินการดังนี้ ให้
ร้ือป้อมปราการเมอื งสพุ รรณบุรี ซ่ึงอยูใ่ กลช้ ายแดนพม่า และอยู่หา่ งจากกรุงศรีอยุธยา ทางกรงุ ยกกำลังไปช่วย
ไม่ใคร่จะทันท่วงที ตัวกรงุ ศรอี ยธุ ยาเองไดม้ ีการเสริมสรา้ งป้อมปราการให้สามารถปอ้ งกนั ปืนใหญ่ได้ เพราะเดิม
กำแพงเมืองของกรุงศรีอยุธยาเป็นกำแพงดิน จึงโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูน สร้างป้อม
เพิ่มขึ้นและทันสมัยขึ้น โดยใช้ช่างชาวยุโรป สูง 3 วา หนา 10 ศอก ใบเสมาสูง 2 ศอกคืบ กว้าง 2 ศอก หนา
ศอกคบื และขยายคูเมืองรอบพระนครใหก้ วา้ ง และลึกยิ่งขึ้น เพอื่ ทำให้กรงุ ศรอี ยุธยาแข็งแรง
การเปล่ียนแปลงทางยทุ ธวธิ ี เม่ืออาวธุ ทันสมัยขึน้ คอื มกี ารใช้ปนื ไฟ คือปนื ใหญ่ และปืนเล็กในการรบ
ของทั้งสองฝ่าย คือทั้งไทยและพม่า ทำให้การใช้รูปขบวนในการรบ และยุทธวิธีในป้อมค่ายเปลี่ยนแปลงไป
จากเดิม ที่มีแต่อาวุธสั้นเป็นอาวุธประจำกาย และไม่มีอาวุธหนักเป็นอาวุธประจำหน่วย และใช้สนับสนุน
ทั่วไป เช่น ปืนใหญ่ ในครั้งนั้นเรือสินค้าโปรตุเกสติดตั้งปืนใหญ่ไว้ในเรือ สามารถยิงจากเรือไปยังที่หมาย
ที่ต้องการได้ จึงได้เริ่มใช้เรือสินค้าโปรตุเกส แล่นไปยิงค่ายพม่าที่ล้อมกรุงศรีอยุธยาอย่างได้ผล จึงได้มี
พระราชดำรใิ ห้ดัดแปลง เรือแซ คอื เสริมกราบเรือ ทำแท่นท่ีตัง้ ปืนใหญไ่ ว้ยิงข้าศึก และบรรดาเรือรูปสัตว์ เช่น
เรอื ครุฑ และเรอื กระบ่ีจะมีปืนใหญไ่ วท้ ่ีหวั เรอื ทุกลำ
ด้านกำลังทางเรือ ได้มีการยกกำลังทางเรือ ไปตีเมืองบันทายมาศ หรือเมืองฮาเตียน (Hathien)
ในปัจจุบัน เมื่อปี พ.ศ. 2136 การเปลี่ยนแปลงกจิ การทหารในห้วงนี้คือ การรับชาวต่างประเทศมาเปน็ ทหาร
โดยตั้งเป็นหนว่ ยทหารอาสาต่างชาติ เรียกว่ากรมทหารอาสา เช่น กรมทหารอาสาญี่ปุ่น กรมทหารอาสาจาม
กรมทหารแมน่ ปืน (ชาวโปรตุเกสเดิม) หนว่ ยทหารเหลา่ นี้มหี น้าท่ีรกั ษาพระองคแ์ ละรกั ษาพระนคร
รัชสมัยต่อมาจนถึงเสียกรุงศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ. 2310 กิจการทหารของกรงุ ศรีอยุธยาเสือ่ มลงเป็น
ลำดับ เนอ่ื งจากวังหน้าได้เพม่ิ อำนาจทางทหารของตนมากขนึ้ จนถึงขั้นเกิดสงครามกลางเมือง ระหวา่ งวังหน้า
กับวังหลวง และระหว่างเจ้านายที่ทรงกรมต่างๆ หลายครั้ง ความอ่อนแอทางทหารมีมากในรัชสมัยสมเด็จ
พระเจ้าบรมโกศ จนถึงกับพวกจีนได้คุมกำลังกัน เข้าปล้นวังหลวงได้อย่างง่ายดาย สมเด็จกรมพระยาดำรง
ราชานุภาพ ทรงสันนิฐานว่า เพราะเหตทุ ีก่ จิ การทหารเสื่อมลงมากจนไม่มีใครอยากเป็นทหาร จึงเกดิ วิธีการท่ี
ทางราชการยอมให้คนเสียเงนิ คา่ จา้ งแทนการเขา้ เวรได้

