Page 16 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 16
14
สรุปการสงครามไทย-พม่า สมัยอยุธยาเกิดขึ้นทั้งหมด 24 ครั้งในจำนวนนีเ้ ปน็ การรบทีพ่ ม่ายกเข้ามา
โจมตีดนิ แดนไทย 17 ครง้ั และฝ่ายไทยยกไปรบพม่ายังดนิ แดนพมา่ หรือเขตอิทธพิ ลของพมา่ 7 ครัง้
การทหารสมัยกรงุ ธนบรุ ี (พ.ศ. 2310-2325)
การทหารในสมัยกรุงธนบุรีนี้ มีการปฏิบัติตามเยี่ยงอย่างกรุงศรีอยุธยาทุกประการ สมเด็จพระเจ้า
กรงุ ธนบรุ ีทรงเสาะแสวงหาอาวธุ ต่าง ๆ มาประจำกองทพั อกี เปน็ อันมาก อีกทง้ั มชี าวตา่ งชาตแิ ขกเมอื งตรังกานู
และแขกเมืองยักตรานำเอาปืนคาบศิลาเข้ามาทูลเกล้าถวายถึง 2200 กระบอก ถือเป็นพระราชลาภอันวเิ ศษ
และต่อมาแขกเมืองยกั ตราก็ไดถ้ วายปนื ใหญ่อกี 100 กระบอก เพื่อป้องกันพระนครธนบุรีมิใหต้ ้องแตกเพราะ
นำ้ มอื ศัตรู จงึ มกี ารขดุ แต่งทำ กำแพงพระนครใหม่ ทรงจัดการให้มกี ารตรวจกำลังพลฉกรรจอ์ ีกเพือ่ เรยี กกระดม
เข้าหมู่สมสังกัดพรรคในยามมีศึกได้ทันท่วงที อีกทั้งทรงให้หล่อปืนใหญ่ใช้เอง มีชื่อว่า พระพิรุณแสนห่า
ด้านกองทัพเรอื ทรงสร้างเรือรบ 100 ลำเศษ มีเรือพระทีน่ ั่งสวุ รรณพิไชยนาวาท้ายรถ สมเด็จพระเจา้ ตากสิน
มหาราช จึงได้ทรงปรับปรุงกิจการทหารให้เข้มแข็ง ด้วยการวางมาตรการต่าง ๆ คือ ทรงรวบรวมผู้ที่มี
ความสามารถในการรบ มาร่วมกันกอบกูส้ ถานการณ์ โดยทรงแต่งตั้งเจ้าพระยาจักรี เป็นอัครมหาเสนาบดีสมุ
หนายก และเจ้าพระยาสุรสีห์ สองทหารเอก ผู้มีความสามารถสูงส่ง เป็นแม่ทัพไปปราบปรามอริราชศัตรู
ท้งั ภายในและภายนอกราชอาณาจกั ร
การจัดการกำลังพล คงยึดถือแบบแผนเดิม คือ ชายฉกรรจ์ไทยทุกคนต้องเป็นทหาร มีการสำรวจ
กำลังพล จึงต้องใช้มาตรการที่ได้ผลและสะดวกแก่การตรวจสอบ โดยการสักพวกไพร่และทาสทุกคนที่ข้อมอื
เพื่อให้ทราบเมืองที่สังกัด และชื่อผู้ที่เป็นนาย ทำให้ทราบจำนวนไพร่พลที่แน่นอน และง่ายต่อการควบคุม
บงั คับบัญชา
ด้านอาวธุ ยทุ โธปกรณ์ ได้มีการแสวงหาอาวุธทีม่ ีอานุภาพสูงมาใช้ และได้รับอาวุธปืนชนิดต่าง ๆ จาก
ต่างประเทศ ได้แก่ ปืนคาบศิลา ปืนนกสับ และปืนใหญ่ สำหรับปืนใหญ่นอกจากท่ีได้รับจากต่างประเทศแล้ว
ยังได้หล่อข้ึนใช้เอง สำหรบั ปอ้ งกนั พระนครอีกด้วย
ดา้ นยทุ ธศาสตร์ทหาร มกี ารกำหนดเขตสงคราม ออกเปน็ เขตหน้าและเขตหลัง เพื่อประโยชน์ในการส่ง
กำลังบำรุง และใช้วิธียกกำลังไปสกัดยับยั้งข้าศึกที่มารุกราน ที่บริเวณชายแดน เพื่อป้องกันดินแดน
ในราชอาณาจักรไม่ให้เสียหายจากภัยสงคราม และไม่เปน็ อนั ตรายตอ่ ราชธานี อนั เป็นหัวใจของราชอาณาจักร
มกี ารใชป้ นื ใหญ่เพอ่ื เพิม่ อำนาจกำลังรบอย่างได้ผล โดยการใชป้ นื ใหญช่ ว่ ยส่วนรวม
สรปุ การสงครามในสมัยธนบรุ ี มี 7 ครัง้
การทหารสมยั รัตนโกสนิ ทร์
การทหารสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ยุคต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
ราชอาณาจักรไทย ได้แผ่ขยายออกไปอย่างกว้างใหญ่ไพศาล ทุกทิศทางยิ่งกว่าสมัยใด กล่าวคือ ทางเหนือได้
อาณาจกั รลา้ นนาไทย รวมท้ังหวั เมอื งใหญ่อน่ื ๆ เช่น เชียงตงุ เชียงรุ้ง และหัวเมอื งอ่นื ๆ ในแควน้ สิบสองปนั นา
ทางดา้ นตะวนั ออกได้หัวเมืองลาว และกมั พชู าทงั้ หมด ดา้ นทศิ ใตไ้ ด้ดนิ แดนตลอดแหลมมาลายู ได้แก่ เมืองไทร
บุรี เมืองกลันตัน เมืองตรงั กานู เมืองเประ และเมืองปัตตานี ด้านตะวันตก ได้หัวเมืองมะริด เมืองตะนาวศรี
และเมอื งทะวาย ไดม้ สี งครามกบั พม่าหลายคร้ัง ครงั้ ที่สำคัญได้แก่สงครามเก้าทพั เมอื่ ปี พ.ศ. 2328

