Page 86 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 86
84
(รวมระทุ่นเบิด 19 ลูก มีแรงระเบิดถึง 1 ล้านปอนด์) การยุทธได้สิ้นสุดลงเมื่อ 14 มิถุนายน ทหารอังกฤษ
สูญเสีย 17,000 คน เยอรมัน 25,000 คน รวมทั้งที่ถูกจับเป็นเชลย 17,500 คน นับเป็นการยุทธครั้งแรก
ทีอ่ ังกฤษสูญเสียทหารนอ้ ยกว่าเยอรมนั
ตอ่ มาใน 31 กรกฎาคม 1917 เปน็ การยทุ ธท่ีเมืองอีปรส์ (Ypres) ครง้ั ท่ี 3 ซงึ่ องั กฤษได้รวมกำลงั ยิงปนื
ใหญม่ ากทส่ี ุด เปน็ ประวตั กิ ารณ์ โดยระดมยิงก่อนการเขา้ ตถี งึ 19 วนั ใช้กระสนุ 4,300,000 นัด รวมนำ้ หนักได้
107,000 ตัน ทำให้พื้นภูมิประเทศเปลี่ยนแปลงไปหมด ทางระบายน้ำ กำแพงกั้นน้ำ ท่อระบายน้ำ ฯลฯ ถูก
ทำลายหมดส้นิ และเกิดหนองน้ำ เป็นเหตุให้ทหารราบต้องแชน่ ้ำอยู่ถงึ 3 เดอื นครึ่ง เมื่อการยุทธยุติลง ใน 10
พฤศจกิ ายน เยอรมันต้องถอยกลับไป 5 ไมล์ เป็นแนวกว้าง 10 ไมล์ และเสียทหารเกือบ 200,000 คน อังกฤษ
เสียประมาณ 300,000 คน
5. การใช้ไอพิษและรถถงั
ที่มั่นตั้งรับที่ดัดแปลงไว้อย่างแข็งแรง ย่อมจะไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง ถ้าไม่มีทหารอยู่ประจำ
รักษาที่มั่นนั้นด้วย เยอรมันจึงหาทางขับไล่ทหารข้าศึกที่รักษาที่มัน่ โดยใช้ไอพิษกอ่ นการเขา้ ตี การโจมตีของ
เยอรมันใกล้ ๆ เมือง Ypres ได้กระทำตอน 17.00 น. ใน 22 เมษายน ค.ศ.1915 โดยใช้ปืนใหญ่ยิงนำและ
ปล่อย ไอพิษคลอรนี (Chlorine Gass) แล้วจงึ ทำการออกตีหลงั จากทีไ่ อพษิ จางลงแล้ว ทหารทอ่ี ยใู่ นแนวหน้า
ถูกไอพิษล้มตายไปมากมาย ที่อยู่ข้างหลังถัดไปก็แตกตื่นและสับสนอลหม่าน เยอรมันใช้ไอพิษอีกครั้งเมื่อ
24 เมษายน 1915 ทำใหแ้ นวรบฝรัง่ เศสและองั กฤษ ต้องถอยรน่ ไปหาเมือง Ypres 3 ไมล์ แตป่ รากฎวา่ ไมไ่ ด้ผล
อย่างครั้งแรก เพราะทหารในที่มั่นใช้หน้ากากป้องกันไอพิษหรือหมวกผ้าคลุมศีรษะช่วยลดอันตรายลงได้ซึ่ง
ต่อมาในปี ค.ศ.1916 ทหารอังกฤษและฝรั่งเศสได้ใช้หน้ากากชนิดมีเครื่องกรองอากาศ เยอรมันได้ใช้
ไอพิษมัสตาด (Mastard Gass) เป็นครั้งแรกที่ Ypres เมื่อ 11 กรกฎาคม ค.ศ.1917 ซึ่งใน 5 สัปดาห์ต่อมา
ทำให้องั กฤษเสียทหารไปกวา่ 20,000 คน หลงั จากนั้น อังกฤษกับฝร่งั เศสกไ็ ดเ้ ริม่ นำเอาไอพิษมาใช้บ้าง
การใช้ไอพิษเจาะแนวข้าศึกที่ได้ผลเป็นครั้งแรกของเยอรมนั เป็นการเข้าตีแนวรบรัสเซียที่ Riga เมื่อ
1 กันยายน ค.ศ.1917 กว้างด้านหนา้ ไม่เกิน 4,000 หลา โดยใช้ปืนใหญ่ยงิ นำด้วยกระสุนบรรจุไอพิษ ปืนหน่ึง
กระบอกยิงได้กว้างด้านหน้าเพียง 8 หลา การเข้าตีได้จบลงภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เยอรมันได้ใช้ไอพิษ
อีกเรื่อย ๆ ทางแนวรบด้านตะวันตกในการรุกใหญ่ ๆ เมื่อเดือนมีนาคม พฤษภาคม และมิถุนายน ค.ศ.1918
เปน็ ไอพษิ ฟอสยีน (Fosgen) และมสั ตาด (Mastad) ในระหว่าง 21 มีนาคม ถึง 5 เมษายน การโจมตีด้วยไอพิษ
ได้ทำให้แนวรบอังกฤษระหว่างเมืองอาร์ราส (Arras) กับเลอ ฟีล (La fere) ถอยไปถึง 50 ไมล์ ในเมษายน
เยอรมันยงั ไดใช้ไอพษิ มสั ตาดตามถนนในเมืองอีกด้วย ช่วยใหส้ ามารถยดึ เมอื งได้ โดยไมม่ ที หารเยอรมันเสยี ชีวิต
เลย การเข้าตีแนวรบสหรัฐ ฯ ที่บริเวณสันเขา เซนต์ ไมไฮล์ (Saint Mihiel) เมื่อกันยายน ค.ศ.1918 และ
การยทุ ธต่อ ๆ มา กถ็ กู เยอรมันยิงด้วยกระสุนไอพิษเสียหายอย่างหนัก การสูญเสียทหารสหรัฐ ฯ เพราะถูกไอพิษ
ทง้ั หมดในสงครามน้เี ป็นจำนวน 70,752 คน จากการสูญเสียทง้ั สิ้น 258,338 คน หรอื รอ้ ยละ 27.4
การป้องกันไม่ให้ทหารที่เข้าตีเป็นอันตรายอีกวิธีหนึ่ง คือ การใช้เกราะป้องกันตัว แต่ก็ทำให้หนัก
เคลื่อนที่ไม่สะดวก จึงให้ทหารอยู่บนเกราะสายพาน เพื่อให้แล่นในภูมิประเทศนอกถนนได้ เหตุนี้จึงได้สร้าง
รถถังขึ้นมาเปน็ ปอ้ มเลก็ ๆ เคล่อื นท่ไี ด้ เรียกกนั ในตอนแรกวา่ เรือบก

