Page 91 - ประวัติศาสตร์การสงคราม
P. 91

89

ผู้นำเยอรมันได้ใช้ยุทธศาสตร์การเข้าหาข้าศึกทางอ้อมที่กว้างไกล ในด้านการส่งกำลังบำรุงและจิตวิทยาทั้งใน
สนามรบและเขตหลงั ของประเทศขา้ ศึก แต่ในระยะหลังกลบั เปิดโอกาสให้ฝา่ ยพนั ธมติ รใชย้ ทุ ธศาสตร์กบั ตนเอง

      ฮิตเลอร์ได้กลา่ วว่า “สงครามอนั แทจ้ ริงของเราท่ีจริงแล้วจะตอ่ สกู้ ันกอ่ นที่การปฏิบัติทางทหารจะเริ่ม
ขนึ้ ” ฮติ เลอรไ์ ดเ้ ร่ิมดำเนนิ ยุทธศาสตร์ด้วยการรณรงคท์ างการเมือง จนสามารถเข้ากุมอำนาจเป็นผู้นำเยอรมัน
ได้ในปี ค.ศ.1933 หลังจากนั้นก็ได้ดำเนินการคืบหน้าและกว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ โดยในปี
ค.ศ.1934 ไดท้ ำสัญญาสันตภิ าพเป็นเวลา 10 ปีกบั โปแลนด์ เพอ่ื ไมใ่ หม้ ีศตั รทู างตะวันออก ในปี ค.ศ.1935 ได้
ละเมดิ ข้อตกลงจำกดั อาวุธตามสนธิสัญญาแวรซ์ ายส์ และในปี ค.ศ.1936 กไ็ ดส้ ่งกำลงั เข้ายึดครอง Rhiueland
กับได้ร่วมกับอิตาลสี นับสนนุ นายพล ฟรังโก (Franco) ลม้ ล้างรัฐบาลสเปน (Spain) ซ่งึ เป็นการเข้าหาฝร่ังเศส
และอังกฤษโดยอ้อมไปข้างหลัง ในมีนาคม ค.ศ.1938 ฮิตเลอร์ได้เคลื่อนกำลังเขา้ ไปในออสเตรีย เป็นการเข้า
ประชิดเชโกสโลวะเกียทางด้านใต้ไปด้วย และแหกวงลอ้ มท่ีเยอรมนั ถูกปิดเม่ือหลังสงครามโลกครงั้ ท่ี 1 ต่อมาใน
กนั ยายน ค.ศ.1938 เยอรมันกไ็ ด้ดินแดน Sudetenland ระหวา่ งเชโกสโลวะเกยี กับโปแลนดไ์ ว้ ตามขอ้ ตกลงที่
เมอื งมิวนคิ (Munich) ทำให้เชโกสโลวะเกียถูกปิดล้อมไว้เกือบทุกด้าน ซ่งึ ตอ่ มาในมนี าคม ค.ศ.1939 ฮิตเลอร์
ก็ได้เข้ายึดครองเชโกสโลวะเกียร์ที่ปิดล้อมไว้แล้วนี้ เป็นการโอบล้อมโปแลนด์ทางด้านใต้ไปด้วยการดำเนิน
ยุทธศาสตร์แบบรุกเงียบ ไม่ต้องเสียเลือดเนื้อติดต่อกันไปเป็นขั้นเป็นตอน โดยใช้การโฆษณาชวนเช่ืออย่างมี
เหตุผลดังกล่าวแล้วน้ี ฮิตเลอร์ไม่ได้เพียงแต่จะทำลายอิทธิพลของฝรั่งเศสในยุโรปตอนกลาง และแหกวงล้อม
ทางยทุ ธศาสตรอ์ อกมาไดเ้ ทา่ นน้ั หากยงั ทำใหส้ ถานการณก์ ลบั กลายมาเอือ้ อำนวยแกเ่ ยอรมัน นับวา่ เป็นการทำให้
เยอรมันพร้อมที่จะทำสงครามมากขึน้ โดยที่กำลังของเยอรมนีได้เติบโตเข้มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในทางตรงและ
ทางอ้อม ในทางตรงนั้นเยอรมันสามารถพัฒนากองทัพและอาวุธยุทโธปกรณ์ได้อย่างมหาศาล ส่วนทางอ้อม
ประเทศท่นี า่ จะเป็นข้าศึกได้ถกู ลิดรอนพนั ธมิตรให้ลดน้อยลงไป และรากฐานของยุทธศาสตร์ต้องถูกสั่นคลอน
ครั้นแล้วในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ.1939 ฮิลเตอร์ก็ได้ประท้วงอังก๋ฤษ ในการที่ประกันความปลอดภยั ให้แก่โปแลนด์
และโรมาเนียในระหว่างนัน้ องั กฤษกับฝรัง่ เศสไมอ่ าจจะส่งกำลงั เข้าไปในยุโรปภาคกลางได้ อกี ท้ังกำลังก็น้อยกว่า
เยอรมัน ฮิตเลอร์จึงไม่ห่วงทางด้านตะวันตก และถือโอกาสโจมตีเอาชนะโปแลนด์ได้ไม่ยากนัก โดยมีรัสเซีย
ยกกำลังเขา้ มาแบง่ ยดึ เอาพืน้ ท่กี ารเกษตร 200,000 ตร.กม. ประชาชน 13 ลา้ นคน ของโปแลนด์ไปเยอรมันได้
พื้นท่สี ว่ นท่เี หลอื ซ่ึงสมบูรณท์ ี่สุด กบั ประชาชน 22 ล้านคน เยอรมันจับเชลยได้ 694,000 คน รสั เซยี
2. นโยบายของฝ่ายพันธมิตร ในตอนที่ฮิตเลอร์มีอำนาจในเยอรมันใหม่ ๆ และเมื่อเซมเบอร์เลน
(Chamberlain)เขา้ รบั ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษไมม่ ีกำลงั ทหารมากพอจะสนับสนนุ การฑูตได้ อังกฤษจึง
ตอ้ งเอาใจเยอรมนั วนิ สตนั เซอร์ซิลล์ (Winston Churchill) ซ่ึงในขณะนัน้ ยังเป็นเพียงสมาชิกสภา ได้เสนอให้
อังกฤษเป็นพันธมิตรกับรัสเซียเสีย แต่ เซมเบอร์เลน ไม่ไว้ใจรัสเซีย และไม่เช่ือว่ารัสเซียจะสามารถเอาชนะ
เยอรมันได้ อังกฤษกลับไปให้การประกนั ความปลอดภัยแก่โปแลนด์ เมื่อโปแลนด์ถูกเยอรมันบุกโจมตี อังกฤษ
กับฝรง่ั เศสจึงไดป้ ระกาศสงครามกบั เยอรมนั ใน 3 กันยายน ค.ศ.1939

      เซอร์ซิลล์ ได้แถลงถึงจุดหมายของสงครามในสภาอังกฤษว่า “นี่ไม่ใช่ปัญหาการสู้รบเพื่อดานซิก
(Danzig) หรือโปแลนด์ เรากำลังสู้รบเพื่อช่วยทั้งโลกให้พ้นจากความร้ายกาจของทรราชย์นาซี (Nazi) และ
ป้องกันทุกสิ่งที่มนุษย์ให้ความเคารพสูงสุดจะล่วงเกินไม่ได้” ดังนี้ จะเห็นได้ว่าในทัศนะของอังกฤษ สงคราม
   86   87   88   89   90   91   92   93   94   95   96