Page 65 - นาวิกศาสตร์ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
P. 65

ี้
                                                                                          ิ
                                                                                                  ี
                                                                                            ุ
                                                                                     ุ
                                                                          
                                                                                        
                                                                      ็
            พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๑๗ โดยสมเด็จเจาพระยาบรม       ประภาคารนกลดนอยลง ในที่สดไดเลกจดตะเกยงที่
                                                                     ี้
            มหาศรีสุริยวงค ไดบริจาคเงินสวนตัว จำนวน ๒๒๖ ชั่ง  ประภาคารนใน พ.ศ.๒๔๗๒ เมื่อไดเลิกใชประภาคาร
                                                                ี้
                                                                   
            โดยมีเจาพระยาภาณุวงศ มหาโกษาธิบดี (ทวม  บุนนาค)  แหงนแลว  เพื่อความสะดวกในการเดนเรอ
                                                                                                ิ
                                                                                                    ื
                                    ุ
                                                                                              
                                                                       
                                                                                           ั
                                                                           ื
                                           
            เสนาบดกรมทา เปนผูควบคมการสราง ประภาคาร      ทางราชการไดใชเรอทุนไฟไปทอดกำกบรองไวเปน
                   ี
                ั
                                                                                 ื
                                          ั
            นี้  นบเปนประภาคารสมัยใหมหลงแรก  และเปน     เครองหมายเดนเรอแทน คอ เมื่อ พ.ศ.๒๔๓๖ ได   
                                                                          ื
                                                              ื่
                                                                       ิ
                                                                                        ้
            ประภาคารที่สำคัญ จึงไดใหชื่อประภาคารนี้วา “Bar  นำเรอทุนไฟ ไปทอดไวที่ปากแมนำเจาพระยาหนา
                                                                                           
                                 
                                                                                                    
                                                               ื
            of Regent Lighthouse” (Regent แปลวา ผูสำเร็จ  ปอมพระจุล ฯ และตอมาเมื่อรองน้ำไดเปลี่ยนแปลงไป
                                                             
                                                               ื่
            ราชการแผนดน) หรอประภาคารรเยนทไลทเฮาท  ไดเลอนไปทอดใหมที่ดานนอกสนดอนทาสแดง
                                                                                
                              ื
                                                                                        ั
                                          ี
                                                                                                 ี
                        ิ
                                                                               ื
                                                                           
                                                       
            เพื่อเปนเกียรติแกสมเด็จเจาพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ  ใน พ.ศ.๒๔๕๐ ไดนำเรอทุนไฟอีก ๒ ลำ ไปทอด
                                                              ั
                                                                      ั
                                                                    ้
            ผูสำเร็จราชการแผนดิน                         กำกบรองนำสนดอนเพิ่มขึ้น ลำหนงเปนทุนไฟเขียว
                                                                 
                                                                                        ึ่
              เมื่อไดประกาศจุดตะเกียงนี้แลว ตอมาพระบาท  อีกลำหนึ่งเปนทุนไฟแดง รวมความวาใน พ.ศ.๒๔๕๐
                                                                                                    ้
                                                                ื
            สมเดจพระจลจอมเกลาฯ  ไดเสดจขึ้นไปทอด            ไดมีเรอทุนไฟทอดเปนเครองหมายทางเรอในแมนำ
                                        
                                           ็
                                                                                 ื่
                                 
                 ็
                                                                                             ื
                        ุ
                                                             
            พระเนตรที่ประภาคารหลังนี้ ทรงชมเชยวาเจาพนักงาน  เจาพระยา รวม ๓ ลำ ดวยกัน
              ู
                                             
            ดแลรกษาสถานที่สะอาดเรยบรอยดมาก      ตอมาเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๙ ทางราชการไดพิจารณา
                                         ี
                                                  ี
                  ั
            ตัวตะเกียงก็เช็ดใสสะอาด เจาพนักงานประภาคารได   เห็นวา เรือทุนไฟมีราคาแพงมาก ลำละ ๗๐,๐๐๐.- บาท
                                            ั้
                      ั
                                   ี้
                                     
                                         ั
            เอาครอบครวมาอยู ณ ที่นดวย ดงนนจะเห็นไดวา     และมักจะเคลื่อนที่เมื่อเวลามีคลื่นลมจัด คนประจำเรือ
                                                     
                                                                           ึ
                                                                                 ิ
                                                                                                 
                        ั
                           ี้
                                                                                                   
                                                                              ุ
                                             ั
            ประภาคารหลงนเปนประภาคารที่สำคญ โดยเมื่อ       พักอาศยลำบาก จงอนมัตใหกรมอุทกศาสตรสราง
                                                                 ั
                                                                     ั
                                          
                                                                                    ิ่
                            
                  
            แรกสรางจำเปนตองใชฝรงชาวตางประเทศเปน   ประภาคารสนดอนขึ้นใหม เรมลงมือสรางเมื่อวันที่
                                                                                            
                                   ั่
                   ุ
            ผูควบคม  ดแลรกษา  เพื่อใหเกดความมั่นใจวา    ๑ ตลาคม พ.ศ.๒๔๗๙ และเปดใชงานเมื่อวันที่ ๓
                       ู
                           ั
                                                               ุ
                                         ิ
            ประภาคารหลงนจะเปนประโยชนโดยแทจรงแก   พฤศจกายน  พ.ศ.๒๔๘๐  มีนายประภาคารและ
                         ั
                                          
                                                                ิ
                                                   ิ
                           ี้
            การเดินเรือของไทย และเรือของตางประเทศโดยทั่วกัน  พนักงานเฝาอยูเปนประจำ ตอมาประภาคารสันดอน

                                              
                                                              ุ

                                                                  ุ
                                  
            คาสรางประภาคารและคาดแลรกษาไดใชเงนเปน         ชำรดทรดโทรมมาก  ไมสามารถซอมใหใชการได
              
                                                  ิ
                                    ู
                                        ั
                 
            จำนวนมาก จึงใชวิธใหไดเงินมาทดแทนโดยการเก็บ  จงไดเลกใชไปเมื่อวันที่ ๑๖ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒
                                                            ึ
                             ี
                                                               
                                                                 ิ
                                                                  ื้
                                                                 
                                                                          ั้
                     ี
                                              
                                                                              
            คาธรรมเนยมประภาคารตามแบบอยางตางประเทศ  และไดรอทำลายตงแตวันที่  ๒๐  มิถนายน -  ๑๓
              
                                                                                          ุ
                                      
                                              ี
                                                   ็
            ในระยะแรก ๆ ปรากฏวาเงนคาธรรมเนยมที่เกบได     กันยายน พ.ศ.๒๕๐๓ จึงเสร็จสิ้นการทำลาย
                                   ิ
                 ื
                                                                                             ็
                                                                                      ั
                                         ั้
                    
                                                                       ็
                                                     ั
            จากเรอตาง ๆ ที่เขาออกในเวลานนไมเพียงพอกบ       อยางไรกตาม ประภาคารสนดอนกยังมีความ
                                                               ั
            คาใชจายซึ่งเปนคาน้ำมันจุดตะเกียง และคาจางดูแล  สำคญตอการเดนเรออยู  ฉะนน  หลงจากที่กรม
                                                                            ื
                                                                                     ั้
                                                                  
                                                                         ิ
                                                                                           ั
                    
                                                                                  
                                                                                       ิ
                                                                                              ื่
            รักษา แตไมถึงกับขาดทุนมากนัก ประภาคารนี้เรียก  อุทกศาสตร กองทัพเรอ ไดโอนกจการเครองหมาย
                                                                              ื
                                                                                     ้
                                                                                        
            ชื่อสามัญวา ประภาคารสันดอน มีหนาที่ชักทุนบอก  ทางเรอเฉพาะบรเวณปากแมนำเจาพระยา ใหแก  
                                                                          ิ
                                                                ื
            ความลึกของน้ำที่สันดอนใหเรือตาง ๆ ไดทราบทุกเวลา  การทาเรือแหงประเทศไทยแลว การทาเรือ ฯ จึงได 
                                                                         ั
                                               
                                                                                                 
                                                                                                   ี
                           ั้
                                                                                           ิ
                                                             
                        ั้
            และนอกจากนนตงแต พ.ศ.๒๔๕๙ เปนตนมายังได       สรางกระโจมไฟสนดอนขึ้นแทนที่ในบรเวณใกลเคยง
                                ้
                                                                                      ั้
                                                                     
                             ั
                                                                              ุ
            ใชเปนสถานวัดระดบนำแหงแรก  เพื่อเกบขอมูล    โดยมีการแกไขปรบปรงหลายครง จนกระทั่งมีการ
                       ี
                                                ็
                                                                          ั
            สำหรบการวิเคราะหหาตวเกณฑที่ใชในการคำนวณ     สรางเปนคอนกรีต และมีที่พักอาศัยสำหรับพนักงาน
                 ั
                                 ั
            ทำนายน้ำในเวลาตอมาอีกดวย                     นำรอง และไดเปลี่ยนแปลงลักษณะไฟใหม เปนไฟวับ
                            ั
                      
                          ้
                                                                                                  
                  
              ตอมารองนำสนดอนเปลยนแปลงไปประภาคาร  สีขาว ทุกๆ ๑๐ วินาที สูง ๓๘ เมตร มองเห็นไดไกล
                                    ี่
            นี้จึงตั้งอยูหางจากรองน้ำในปจจุบันมาก ทางราชการ  ๒๐ ไมล ใชพลังงานแสงอาทิตย ซึ่งใชราชการมาจน
                                                 ั
                                   ้
                               
                 
            จงไดวางทุนไฟหมายรองนำใหม ความสำคญของ         ทุกวันนี้
             ึ
                                                             นาวิกศาสตร  ปีที่ ๙๖  เล่มที่  ๒  กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖ 43
   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69   70