Page 64 - นาวิกศาสตร์ เดือน กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖
P. 64

ื
                                                                    
                                                    ิ
                                                            
                                                                 ิ
                ิ
            เมดเตอรเรเนยน  ชายฝงตอนเหนอของแอฟรกา  กอนครสตศกราช  ประภาคารแหงแรกที่มีความ
                    
                                                                     ั
                        ี
                                                                       
                                                                                ิ
                                                                                         ็
                                                              ั
                                                                  
                                                                   ู
            รอบ ๆ ลิเบีย และอียิปต ในชวงฤดูหนาวจะมีคลื่นลม  สำคญไดถกสรางขึ้นในบรเวณเกาะเลก ๆ ที่มีความ
                            ึ
                     
            จดอยางนาสะพรงกลว  ทำใหทัศนวิสยเลวราย  ยาวและแคบ  มีชื่อเรยกวา  ฟารอส (Pharos)
                                                                              ี

                                                    
                                              ั

                                ั
             ั
            ดังนั้นชาวลิเบีย และคูชิสต (Cushites) จึงเปนรายแรก  นอกบรเวณทางเขาทาเรอ  ซึ่งในปจจบันมีชื่อวา
                                                                                 ื
                                                                                            ุ
                                                                 ิ
                     ื่
            ที่สรางเครองหมายชวยในการเดนเรอขึ้น โดยมีชื่อ  ทาเรออเลกซานเดรย   โซสเตรตส (Sostratus)
                                                               ื
                                          ื
                                                                            ี
                                                                                        ั
                                       ิ
                                                                    ็
                
                                                                                        ึ
                                                                 ิ
                                                                      
            เรียกเปนภาษาพื้นเมืองที่มีความหมายวา หอคอยไฟ  สถาปนกผูสรางประภาคารนไดจารกชื่อของตนไวที่
                                                                                  ี้
                                                                                     
                                                                                           
            (Fire-Tower)                                   กำแพงประภาคาร โดยมีการสรางโกรง (mortar)
                                                                                      
                                            
                                              ิ่
                                         ั้
                           
              สำหรบการคาขายทางทะเลนนไดเรมมีขึ้นโดย         ครอบหอคอยกระโจมไฟไว พรอมสลักชื่อ ปโตเลมุส
                     ั
                                                                ั
                                                                       
                                                                            
            ชาวเกาะครีต และหมูเกาะอื่น ๆ ในบริเวณใกลเคียง  ชื่อสลกดงกลาวไดพังลงในเวลาตอมาไมนาน
                                                                                          
                                                                   ั
                                                                               ี้
            ซึ่งมีการเดินทางคาขายไปทางตะวันออกถึงเปอรเซีย  หอคอยประภาคารแหงนมีขนาดใหญโตมาก มีเปลว
                    ี
                                          ี
                              ี
                                                  ิ
                          
            บาบิโลเนย อารเมเนย และอัสซีเรย และเดนทาง       ไฟจากการเผาทอนไม  สวางไสวใหเห็นไดไกลถง
                                                                                               
                                                                                                    ึ
                                               ็
            คาขายไปทางตะวันตก  ผานชองแคบเลกๆ  ของ        ๕๕ กิโลเมตร บริเวณสวนยอดของหอคอย ซึ่งระยะ
              
                                                               ี้
                                                                               
                                                                                       ู
                    ิ
                            ี
                        
            ทะเลเมดเตอรเรเนยนที่เรยกวา “เสาหลกของเฮอร    เห็นนสามารถคำนวณไดวาความสงของยอดเปลวไฟ
                                              ั
                                  ี
                        ู
            ควลส” ออกสทาเรอตาง ๆ บรเวณตอนเหนอของ          จากหอคอยดงกลาวประมาณ ๑๘๕ เมตร สวนใน
                            ื
                                                                                                 
                                                  ื
                ิ
                                       ิ
              ิ
                               
                                                                      ั
                                                                         
            แอฟริกา ดังนั้นเพื่อชวยเหลือในการเดินเรือดังกลาว  ชวงฤดรอนการหักเหของแสง  อาจทำใหความสง
                                                                 ู
                                                                  
                                                                                                    ู

                                          ิ
                            ิ
            เครองชวยการเดนเรอจงนำมาตดตงในบรเวณ   ของเปลวไฟลดลง  หอคอยนบรเวณสวนลางมี
                                  ึ
                                                                                        ิ
                                                                                     ี้
                                                                                             
                               ื
                                             ั้
                ื่
                                                                                                 
                                                   ิ
            ที่หมาย ซึ่งมีความโดดเดนเพื่อใหมองเห็นไดทั้งใน  รปทรงเปนสเหลยม  สำหรบสวนบนเปนรปทรง
                                                                                   ั
                                                                                      
                                                                          ี่
                                                                      ี่
                                                            ู
                                  
                                                  
                                                                                                ู
            ชวงกลางวัน และในยามค่ำคืน                     สเหลยมยอดสอบแหลม ชองทางเขาออกหอคอย
                                                               ี่
                                                            ี่
                                                              ั
                                                                                               ู
                                                           อาศยบันได และทางลาดจากพื้นดนขึ้นไปสภาชนะ
                                                                                        ิ
                                                                        
                                                                              ุ
                                                           บรรจเชื้อเพลงดานบนสดของหอคอย แตแสงไฟนน
                                                                      ิ
                                                                                                    ั้
                                                                                             
                                                               ุ
                                                           สามารถมองเห็นไดไกลในเวลากลางคืน สวนในเวลา
                                                                           
                                                           กลางวันเห็นเปนควันสดำ ผิวโครงสรางของอาคาร
                                                                              ี
                                                                                          
                                                                   
                                                                                                  ี
                                                           หอคอยสรางดวยกอนหิน โดยใชแผนหินออนสขาว
                                                                          
                                                                       

                                                           ประดับดานนอก ทำใหประภาคารนี้มีลักษณะโดดเดน

                                                                                   ิ่
                                                               ื
                                                           จนถอวาเปน  ๑  ใน  ๗  สงมหัศจรรยของโลก

                                                                                            ี้
                                                                                              
                                                                        
                                                           ในยุคโบราณ นาเสยดายที่ประภาคารนไดพังทลาย
                                                                           ี
                                                                                                    ึ
                                                                          ิ
                                                               ื่
                                                                                   ั
                                                           ลงเนองจากแผนดนไหว หลงจากใชงานอยูนานถง
                                                           ๑,๖๐๐ ป

                                                           ประภาคารแห่งแรกของประเทศไทย
                                                                                                 
                                                                      
                                                                         ั
                                                                                                   
                                                             ในสมัยตนรชกาลที่  ๕  ทางราชการไดสราง
                                                                                    ี้
                                                                                ุ
                                                           กระโจมไฟขึ้น (ซึ่งในปจจบันนเรยกวา ประภาคาร)
                                                                                      ี
                      ประภาคารแหลมสิแกรม (Sigeum) ที่เฮลเลสปอนท์
                                                                                            ้
                                                                               ั
                                                                                               
                                                           เปนแบบสมัยใหม ไวที่สนดอนปากแมนำเจาพระยา
                          ุ
              ประภาคารรนแรก ๆ ไดแก ประภาคารแหลม           เริ่มสรางในป พ.ศ.๒๔๑๓ แลวเสร็จในป พ.ศ.๒๔๑๔
                                     
                                                    
                                                                                       ี
                                                                 
              ิ
                                                                                   ี้
                                                             
                                                 
                                                                    
            สแกรม (Sigeum) ที่เฮลเลสปอนท ซึ่งสรางกอน      แตการกอสรางประภาคารแหงนไมเรยบรอยในตอนแรก
                                                                                          
                                                                      ิ
                                                                             
                                           
                                                                                  ิ
            หอคอยที่มีชื่อเสยงกวา ซึ่งเชื่อวาสรางในสมัยของ  เพราะเปนที่ดนออนตองเสรมสรางใหมใหแข็งแรง
                          ี
                                                                                      
                                                                              
                                                                                         ื
            พระเจาปโตเลมีที่สองแหงอียิปต ประมาณ ๓๐๐ ป   และเปดใหใชประโยชนในการเดนเรอ เมื่อวันที่ ๙
                                                                                      ิ
                  
            42     นาวิกศาสตร  ปีที่ ๙๖  เล่มที่  ๒ กุมภาพันธ์  ๒๕๕๖
   59   60   61   62   63   64   65   66   67   68   69