Page 52 - ๘๐ ปี ยุทธนาวีเกาะช้าง พ.ศ. ๒๔๘๔ กับทฤษฎีและการรบทางเรือสมัยใหม่
P. 52
ิ
์
ี
์
ื
ี
“โชคดทบนเรอลามอตตปเกตมหวหนาวดระยะการยง
ี
่
ั
ั
ิ
้
ี
(Telemetriste) ท่เก่งยอดเย่ยม นายช่างอาเมอร (Hameury)
ี
ี
่
สามารถเล็งระยะยิงได้อย่างแม่นยา โดยคานวณเอาจาก
�
�
แสงสว่างจากปากกระบอกปืนข้าศก (ปากกระบอกปืนเรอหลวง
ื
ึ
ธนบรในการยงนัดแรก) ทาให้นายทหารควบคมการยง
ิ
ิ
�
ุ
ุ
ี
ั
ช่อ ตุยยิแอร์ (Thuillier) ส่งยิงปืน ๑๕๕ มิลลิเมตร ได้ทันท ี
ื
ในเวลา ๐๖.๑๙ น. ตลอดระยะเวลา ๒ ช่วโมง ของการสู้รบกัน
ั
่
ี
หัวหน้าวัดระยะการยิงอาเมอร (Hameury) สามารถ
ี
บอกระยะเล็งได้ทุก ๆ ๑๐ วินาท นอกจากน้น ยังสามารถ
ั
รายงานผลวิถีกระสุนเราด้วย ยังยิงตอร์ปิโด ๓ ลูก
ั
เครื่องบินขับไล่แบบ ข.๑๐ ฮอร์ค ๓ ออกไปจากกราบซ้ายเรือ (เรามีตอร์ปิโดท้งหมด ๖ ลูก
เวรเตรียมพร้อมจากฝูงบินทหารอากาศจันทบุรี อีก ๓ ลูก ท่เหลือน้น เกบไว้ใช้ยิงเม่อตอนกลบเรือในระยะ
ั
็
ื
ั
ี
้
ู
์
้
ั
้
ี
๑๑. Fog กับ Friction ทางฝ่ายฝร่งเศสในยุทธนาว ี ต่อมา) การยิงตอรปิโดทง ๓ ลกน ได้ผลเพราะต่อจากนัน
ั
ที่เกาะช้าง ไม่นานเราก็เห็นแสงสว่างพุ่งขึ้น”
ั
ี
จากรายงานการรบ นาวาเอก เบรองเช่ (Bérenger) “ปืนท่ป้อมปืนของเรือข้าพเจ้าน้น ใช้การได้ดีเหมือน
ี
ั
�
ี
ได้ระบุว่าม Fog คือ ๑) มองเห็นเป้าหมายไม่ชัดเจน ตอนฝึกรบ การปฏิบัติการทาได้ตามข้นตอนท่เคยฝึกไว้
ิ
๒) มีการยิงตอร์ปิโดไปยังเกาะง่ามโดยมองว่าเกาะง่ามเป็น อย่างอัตโนมัต ปืนทางกราบซ้ายของเรือยิงแข่งกับปืนทาง
เรือหลวงธนบุร ๓) เม่อเรือหลวงธนบุรีถูกยิงในตับท ๔ ทาให้ กราบขวา ข้าพเจ้าไม่สามารถระบุได้ว่าข้างไหนยิงเก่งกว่า
ี
�
่
ี
ื
�
�
หอบังคับการชารุด ผู้บังคับการเรือตาย และการบังคับเรือ แต่คิดว่าเกือบมีการทาลายสถิติด้านการยิงเร็ว มีบางคร้ง ั
ั
ั
กระทาไม่ได้ เรือแล่นหันเป็นวงกลมน้น ฝร่งเศสเข้าใจผิด ที่มีการติดขัดเล็กน้อย แต่ก็รีบซ่อมแซมได้ทันที”
�
คิดว่าไทยมียุทธวิธีทางเรือแบบใหม่ คือ ยิงแล้วหันท้าย “การยิงในระยะแรกสู่เป้าหมาย (เรือหลวงสงขลา
ึ
ั
ั
หลบเข้าควัน ๔) การยิงพวกเดียวกันเอง หรือ Friendly Fire น้น เรือหลวงชลบุรี) ซ่งข้าพเจ้าไม่สามารถเห็นได้ชัดน้นจบลง
ื
เม่อเวลา ๐๖.๒๙ น. เรือลามอตต์ปิเกต์เกือบยิงเรือมาร์น ด้วยการระเบิดอย่างสนั่นหวั่นไหว และติดตามด้วยกลุ่ม
(Marne) และเรือตาอูร์ (Tahure) ขณะร่นระยะเข้าไป ควันพลุ่งสูงขึ้นมาหลายร้อยเมตร”
ใกล้เรือหลวงชลบุร และเรือหลวงสงขลา ในระยะ ๓,๗๐๐ เมตร ความมืดมัว ในการเล่นซ่อนหาระหว่างเกาะ
ี
และ ๒,๖๐๐ เมตร เพราะเข้าใจผิดว่าเป็นเรือรบไทย “ในขณะเดียวกันเราก็เห็นเรือหลวงธนบุรีแล่นไป
เคราะห์ดีท เรือเอก เรอมีญอง ส่องกล้อง และจาเรือ ทางฝั่งทะเลสยาม เราจึงเริ่มต้นยิงข้าศึกใหม่อีกครั้งหนึ่ง
�
ี
่
ั
พวกตนได้ ๕) สาหรับ Friction น้น ฝร่งเศสแทบไม่ม ี เรือหลวงธนบุรีเองก็ต่อสู้อย่างไม่พร่นพรึงเลย เราเห็นแสงปืน
�
ั
ั
ี
ื
้
ั
สามารถ “ฝึกอย่างไรก็รบอย่างน้น” และเหนอไปจากนัน ท่เกิดจากการส่งกระสุนปืนขนาด ๒๐๓ มิลลิเมตร วิถีกระสุน
นาวาเอก เบรองเช่ ยังคุยอวดด้วยว่า “รบได้ดีกว่าฝึก” ของเรือหลวงธนบุรีไกล และกระเจิงแต่ยังไม่ถึงเรือเรา
ั
เพราะยิงได้เร็วกว่าท�าลายสถิติการฝึกที่จดไว้ เป็นการยิงเป็นตับ ๆ ละ ๒ นัด เรือหลวงธนบุรีเป็นเรือส้น
ื
ั
ในรายงานการรบ การรบของ นาวาเอก เบรองเช่ เพราะฉะน้นจึงเคล่อนไหวได้สะดวก และสามารถแล่นหลบ ๆ
�
(Bérenger) ผู้บัญชาการเรือลามอตต์ปิเกต์ได้กล่าวถึง ซ่อน ๆ อยู่ตามหมู่เกาะเล็ก ๆ ได้เป็นอย่างดีทาให้เราต้อง
ื
ี
ู
ี
�
ั
ความสาเร็จในการรบของฝร่งเศสว่า เกิดจากการวัดระยะ แล่นเข้า ๆ ออก ๆ อย่ระหว่างหมู่เกาะเหล่าน้ด้วย เพ่อท่จะ
ที่แม่นย�าว่า เล็งยิงได้สะดวก มีการหยุดยิงหลายระยะทั้งสองฝ่าย”
นาวิกศาสตร์ 15
ปีที่ ๑๐๕ เล่มที่ ๓ มีนาคม ๒๕๖๕

