Page 33 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ม.ปลาย
P. 33

23



                                                                              
                  พุทธเจาและพระขีณาสพชื่อวา “พระวิสุทธิเทพ” พระมหากษัตริยในสังคมไทยทรงมีลักษณะของ
                                                      ั
                                                                  ิ
                  เทพ 3 ประเภทนี้ คือ สมมติเทพ  อุปบติเทพ และวสุทธิเทพอยในองคเดียว ทงนี้ไดรวมเอาเทพ
                                                                                          ั้
                                                                            ู
                                                                          ็
                                                                        
                                                    
                                           ิ
                                                              ี่
                  ชั้นสูงในศาสนาพราหมณฮนดูเขาไวดวย  ดังทสะทอนใหเหนจากแนวคิดเรื่องสมมติเทพหรือ
                  สมมติเทวดา และในบริบทแวดลอมอื่น ๆ นอกจากนั้น พระมหากษัตริยไทยยังทรงเปนมหาสมมติราช
                  ขัตติยะ และราชา ดังปรากฏคําอธบายในหนังสือไตรภูมพระรวงของพระเจาลิไทซึ่งแตงขึ้นใน
                                                                       ิ
                                                  ิ
                                                                              ั้
                                  ั
                                                                                      
                                                                                                 
                                                                                            
                  สมัยสุโขทัยวา “อนเรียกชื่อมหา สมมติราชนั้นไซร เพราะวาคนทงหลายยอมตั้งทานเปนใหญแล
                                                                        
                  อนเรียกชื่อขัตติยะนั้นไซร เพราะวาคนทงหลายใหแบงปนไรนาเขาน้ําแกคนทงหลายแล
                   ั
                                                                          
                                                                                                ั้
                                                           ั้
                             
                  อนเรียกชื่อวาราชานั้น เพราะทานนั้นถูกเนื้อ พึงใจคนทงหลายแล” สวนในโลกทปสารแตงโดย
                                                                                             ี
                                               
                   ั
                                                                      ั้
                  พระสังฆราชเมธังกร ซึ่งเปนครูของพระเจาลิไทยกลาววา “นามราชา เพราะปกครองบคคลอน ๆ
                                                                                                      ื่
                                                                    
                                                                                                 ุ
                  โดยธรรม โดยเที่ยงธรรม” ประการที่สาม แนวคิดความสัมพันธระหวางบิดา - บุตร อันเปนแนวคิด
                  พื้นเมืองดั้งเดิมที่เนนความสัมพันธใกลชิดระหวางผูปกครองกับผูใตปกครอง ซึ่งตางไปจากสังคมที่ม ี
                                                                                         
                                                      ั
                  วรรณะ นับไดวาเปนความเขมแข็งของวฒนธรรมการปกครองในระบบกษัตริยของไทยที่สามารถ
                                      
                  ดํารงสืบตอมาไดจนปจจุบน  แนวคิดทง 3 ประการนี้แสดงคติความเชื่อเรื่องสถานะขององค
                                                       ั้
                                          ั
                                                                             ิ
                  พระมหากษัตริยที่ผสมผสานกัน พระมหากษัตริยไทยนับแตอดีตมไดทรงดํารงพระองคเปนเฉพาะ
                  องคอวตารแหงพระผูเปนเจาของศาสนาพราหมณฮินดูหรือเปนผูบาเพ็ญบญบารมเฉพาะพระองค
                                                                         
                                                                                    ุ
                                                                                            ี
                                                                             ํ
                  แตยงทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจ  เชนเดียวกบบดาผูดูแลบตรดวย พระราชภาระหลักของ
                                                               ั
                                                                            ุ
                                                                  ิ
                      ั
                                                                     ี
                                                                ิ
                  พระมหากษัตริยอนเปนพื้นฐานตามคติพราหมณฮนดูม  4 ประการ คือ  1) พระราชทานความ
                                      
                                 
                                  ั
                                                                                                      
                  ยุติธรรมอันเปนระเบยบสากลของผูปกครองหรือผูนําทจะตองสรางหรือออกกฎหมายเพื่อใหเกด
                              
                                     ี
                                                                                                         ิ
                                                                    ี่
                        ุ
                  ความยติธรรม  2) ทรงรักษาความยุติธรรมนั้น ๆ อยางเครงครัด  3) ทรงรักษาพระศาสนาและ
                                                                                            ั
                                                     
                  ประชาชน 4) ทรงสรางความผาสุกแกประชาชน นอกจากนั้นพระมหากษัตริยยงทรงดํารงหลัก
                                                                                           
                  ราชธรรมในพระพุทธศาสนา ไดแก ทศพิธราชธรรม 10 ประการ สังคหวตถุ 4 ประการ และ
                                                                                       ั
                                                                                                   ุ
                  จักรวรรดิวัตร 12 ประการ เมอประสานกับลักษณะวัฒนธรรมการปกครองแบบบิดา - บตรแลว
                                             ื่
                  จึงเปนเหตุใหพระมหากษัตริยในประเทศไทยมีพระราชสถานะอันสูงสงควรแกการยกยองสรรเสริญ
                                                                           ั
                                                                                       ี
                                                                                                    ั
                                    ั
                  ยิ่ง ในสมัยกรุงสุโขทย ความสัมพันธระหวางพระมหากษัตริยกบประชาชนมความใกลชิดกนมาก
                  พระมหากษัตริยทรงดูแลทุกขสุขของประชาชนดังบิดาดูแลบุตร ดังปรากฏบันทึกในศิลาจารึกหลัก
                                                                                                       
                   ี่
                                                                    ั
                                                    ี่
                  ท 1 ของพอขุนรามคําแหงมหาราช ทสําคัญมากกคือวฒนธรรมการปกครองในระบบกษัตริยนั้น
                                                               ็
                  เปนการปกครองโดยมีมนุษยธรรม จารึกสุโขทัยหลักที่ 38 วัดพระมหาธาตุ - วัดสระศรีพุทธศักราช
                  1940 วา พระมหากษัตริยแหงกรุงสุโขทัย “จักใครขัดพระราชสีมานี้ดังมนุษยธรรม (อยาง) พระยา
                                                  ั
                  รามราช” คือ กษัตริยในกรุงสุโขทยไดปกครองประชาชนอยางมมนุษยธรรมเชนเดียวกบพอขุน
                                                                                                  ั
                                                                              ี
                                                                          
                                                                 ั
                  รามคําแหง กษัตริยแหงกรุงสุโขทัยเอาพระราชหฤทยใสไพรฟาขาแผนดินของพระองคดังปรากฏ
                                                                                  ั
                                          ิ
                  หลักมนุษยธรรมในไตรภูม  พระรวงวา “รูจักผิดแลชอบ แลรูจักที่อนเปนบาปแลบุญ แลรูจัก
                                                      
   28   29   30   31   32   33   34   35   36   37   38