Page 54 - หนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทย ม.ปลาย
P. 54

44



                                  2)  การประเมนคุณคาภายในหรือวิพากษวิธภายใน เปนการประเมนคุณคา
                                                                             ี
                                                                                      
                                                                                                  ิ
                                                ิ
                                                                                    ี่
                  ของหลักฐานจากขอมูลภายในหลักฐานนั้น เปนตนวา มีชื่อบุคคล สถานท เหตุการณ ในชวงเวลาท  ี่
                  หลักฐานนั้นทําขึ้นหรือไม ดังเชน หลักฐานซึ่งเชื่อวาเปนของสมัยสุโขทัยแตมการพูดถึง
                                                                         
                                                                     
                                           
                                                                                                ี
                                                                                     ั
                  สหรัฐอเมริกาในหลักฐานนั้น ก็ควรสงสัยวาหลักฐานนั้นเปนของสมัยสุโขทยจริงหรือไม เพราะใน
                                                                      
                                                                                                 
                                                                   
                    ั
                                   ี
                           ั
                                                                                ํ
                                                                               ี่
                  สมยสุโขทยยังไมมประเทศสหรัฐอเมริกา แตนาจะเปนหลักฐานททาขึ้น เมื่อคนไทยไดรับรูวาม    ี
                                                                                                 ั
                                                                                                      ี
                  ประเทศสหรัฐอเมริกาแลว หรือหลักฐานเปนของเกาสมัยสุโขทัยจริง แตการคัดลอกตอกนมามการ
                  เติมชื่อประเทศสหรัฐอเมริกาเขาไป เปนตน
                                                                                  ุ
                                  วพากษวธีภายในยงสังเกตไดจากการกลาวถึงตัวบคคล เหตุการณ สถานท          ี่
                                                    ั
                                           ิ
                                   ิ
                                                                                      
                                                                             
                  ถอยคํา เปนตน ในหลักฐานวามีความถูกตองในสมัยนั้น ๆ หรือไม ถาหากไมถูกตองก็ควรสงสัยวา
                                                                            ี
                                                                                                 ั
                                                                          ี่
                                                                    
                                                         ี่
                                                             
                  เปนหลักฐานปลอมแปลง หลักฐานทแทจริงเทานั้นทมคุณคาในทางประวติศาสตร
                    
                                                                                 
                                                                               ี่
                  สวนหลักฐานปลอมแปลงไมมีคุณคาใด ๆ อีกทั้งจะทําใหเกิดความรูทไมถูกตอง ดังนั้นการประเมน
                                                                                                         ิ
                  คุณคาของหลักฐานจึงมีความสําคัญและจําเปนมาก
                               4. การวิเคราะห สังเคราะห และจัดหมวดหมูขอมูล
                                                                               ี่
                                                                            ู
                                                                       
                                  เมอทราบวาหลักฐานนั้นเปนของแท ใหขอมลทเปนขอเท็จจริงหรือความจริง
                                                                    
                                             
                                    ื่
                                                                                 
                                              ั
                                                                                                      
                                                                        ู
                         ั
                  ในประวติศาสตรผูศึกษาประวติศาสตรกจะตองศึกษาขอมลหรือขอสนเทศในหลักฐานนั้นวาให        
                                                       ็
                                                                                               ี
                                                                                                   ุ
                      ู
                  ขอมลทางประวติศาสตรอะไรบาง ขอมลนั้นมความสมบรณเพียงใด หรือขอมูลนั้นมจุดมงหมาย
                                                      ู
                                                            ี
                                ั
                                                                      ู
                                               
                                  ี
                  เบื้องตนอยางไร มจุดมุงหมายแอบแฝงหรือไม ขอมูลมความยติธรรมหรือไม จากนั้นจึงนําขอมล
                                                            
                                                                    ี
                                                                          ุ
                            
                                                                                                         ู
                                                                                                      
                                       ู
                                                                                 
                  ทั้งหลายมาจัดหมวดหม เชน ความเปนมาของเหตุการณ สาเหตุที่ทําใหเกดเหตุการณความเปนไป
                                                                                    ิ
                  ของเหตุการณ ผลของเหตุการณ เปนตน
                                  เมื่อไดขอมูลเปนเรื่อง เปนประเด็นแลว ผูศึกษาประวัติศาสตรเรื่องนั้นกจะตอง
                                                                                                   ็
                                                                                                   ํ
                  หาความสัมพันธของประเด็นตาง ๆ และตีความขอมลวามขอเทจจริงใดทซอนเรนอาพราง
                                 
                                                                           ี
                                                                                          ี่
                                                                     ู
                                                                                ็
                  ไมกลาวถึงหรือในทางตรงกันขามอาจมีขอมูลกลาวเกินความเปนจริงไปมาก
                                                 
                                  ในการวิเคราะห สังเคราะหขอมูล ผูศึกษาประวติศาสตรควรมีความละเอียด
                                                            
                                                                               ั
                                                                                               
                  รอบคอบ วางตัวเปนกลาง มีจินตนาการ มีความรอบรู โดยศึกษาขอมูลทั้งหลายอยางกวางขวาง และ
                                                                                           
                  นําผลการศึกษาเรื่องนั้นที่มีแตเดิมมาวิเคราะหเปรียบเทียบ รวมทั้งจัดหมวดหมูขอมูลใหเปนระบบ
                                5. การเรียบเรียงและการนําเสนอขอมูล/การเรียบเรียง รายงาน ขอเท็จจริงทาง
                                                                                             
                  ประวัติศาสตร
                                                                                       
                                                                        
                                                                                                 ี
                                  การเรียบเรียงหรือการนําเสนอจัดเปนขั้นตอนสุดทายของวิธการทาง
                  ประวัติศาสตร ซึ่งมีความสําคัญมาก โดยผูศึกษาประวัติศาสตรจะตองนําขอมลทงหมดมารวบรวม
                                                                                          ั้
                                                                                       ู
                                                  ั
                                             
                  และเรียบเรียงหรือนําเสนอใหตรงกบประเด็นหรือหัวเรื่องทตนเองสงสัย ตองการอยากรูเพิ่มเติม
                                                                        ี่
   49   50   51   52   53   54   55   56   57   58   59