Page 66 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 66
66
7. นางมานีทำสัญญาซื้อขายบ้านกับนายวีระโดยมีข้อตกลงในสัญญาว่าให้นายวีระผู้ซื้อรื้อ
ถอนบ้านไปภายใน 3 วัน ภายหลังจากที่ชำระราคากันเรียบร้อยแล้วนางมานีจึงขอเช่าบ้านหลัง
ดังกล่าวต่อไปอีกเป็นระยะเวลา 1 ปี ต่อมานางมานีได้ขายที่ดินแปลงที่มีบ้านปลูกสร้างอยู่นี้ให้กับนาย
ปิติ โดยที่นายปิติไม่รู้มาก่อนว่านายวีระได้ซื้อบ้านหลังนี้จากนางมานีไปแล้ว ทั้งนี้นางมานีและนายปิติ
ได้ไปทำการซื้อขายและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันที่ว่าการอำเภอ หลังจากนั้นนายปิติได้ย้ายเข้ามา
อยู่ในบ้านหลังนั้น เมื่อนายวีระทราบความจริง จึงไปเรียกเอาบ้านคืนจากนายปิติ โดยอ้างว่าได้ซื้อบ้าน
่
มาจากนางมานีแล้ว นางมานีจึงไมมีสิทธิขายบ้านดังกล่าว ให้ท่านวินิจฉัยว่าข้ออ้างของนายวีระฟังขึ้น
หรือไม่ และหากนายปิติไม่ยอมคืนบ้านให้แก่นายวีระจะสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร
8. นายนิติมีลูก 2 คน คือ นายใจและนางสาวจิต ต่อมานายนิติถึงแก่ความตายมีมรดก
ี
ได้แก่ที่ดิน 1 แปลงตั้งอยู่ในเขตอำเภอปากช่อง และบ้านพร้อมที่ดินอก 1 แปลง ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้าม
์
มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยนายกายได้เข้าครอบครองปรปักษในที่ดินแปลงที่อยู่อำเภอปาก
ช่องมากว่า 10 ปีแล้ว แต่นายกายยังไม่ได้ไปจดทะเบียนให้เป็นชื่อของตนเอง นายใจและนางสาวจิต
ได้ตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกัน โดยนายใจได้ที่ดินแปลงที่ตั้งอยู่ในเขตอำเภอปากช่อง ส่วนนางสาวจิตได้
บ้านพร้อมที่ดิน หลังจากนั้นนายใจจึงได้ไปทำการโอนที่ดินอนเป็นทรัพย์มรดกให้เป็นชื่อของตน ณ
ั
ที่ว่าการอำเภอ และได้พบว่านายกายที่กำลังดำเนินการโอนที่ดินแปลงเดียวกันนี้อยู่เช่นกัน ดังนี้ให้
ท่านวินิจฉัยว่าระหว่างนายใจและนายกายใครมีสิทธิในที่ดินแปลงนี้ดีกว่ากัน
9. จากบทบัญญัติมาตรา 1301 ที่ว่า “บทบัญญัติแห่งสองมาตราก่อนนี้ ท่านให้ใช้บังคับ
ถึงการเปลี่ยนแปลง ระงับ และกลับคืนมาแห่งทรัพยสิทธิอนเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์นั้นด้วยโดย
ั
อนุโลม” ท่านเข้าใจว่าอย่างไร จงอธิบาย

