Page 70 - หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต
P. 70

70





               จะใช้บุคคลสิทธิหรือบังคับตามสัญญาที่ตกลงกัน เช่น สิทธิการเช่ารถยนต์จะไม่นำหลักการครอบครอง
               รถยนต์มาใช้ แต่จะใช้หลักว่าใครทำสัญญาก่อน ผู้นั้นย่อมมีสิทธิดีกว่า เป็นต้น ตามบทบัญญัตินี้ใครมี


               สิทธิดีกว่ากันนั้น ให้พิจารณาจากการครอบครองว่าใครครอบครองอยู่ย่อมมีสิทธิดีกว่า และต้องได้การ
               ครอบครองมาโดยมีค่าตอบแทนและโดยสุจริตด้วย เช่น นายศิลาเป็นเจ้าของรถยนต์ 1 คัน ได้ตกลง


                                                                                    ั
                             ี
               ขายให้นายปฐพแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ส่งมอบ นายศิลาก็นำรถยนต์ไปขายให้แก่นายอคนีและได้ส่งมอบ
                                                                       ี
               รถยนต์คันนั้นให้นายอคนีครอบครองอยู่ ดังนี้ ระหว่างนายปฐพและนายอคนีใครมีกรรมสิทธิ์ใน
                                   ั
                                                                                ั
                                     ิ
                                                                                                ั
               รถยนต์ดีกว่ากัน กรณีนี้พจารณาตามมาตรา 1303 แล้วกรรมสิทธิ์ในรถยนต์ย่อมเป็นของนายอคนี
                                            ้
               ส่วนนายปฐพใช้สิทธิตามสัญญาฟองนายศิลาผู้ขายเพอเรียกค่าเสียหายตามสัญญาซื้อขายในฐานะ
                           ี
                                                             ื่
               บุคคลสิทธิเท่านั้น มาตรา 1303 นี้จึงเป็นบทบัญญัติที่ยกเว้นหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แม้
               ผู้ขายไม่มีสิทธิก็ยังทำให้ผู้ซื้อได้กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินตามบทกฎหมายนี้

                         แต่อย่างไรก็ตามมาตรานี้ มีข้อยกเว้นที่ไมสามารถนำไปใช้บังคับได้ ในกรณีต่อไปนี้
                                                           ่
                                                            ิ
                         1. กรณีการได้มาซึ่งสังหาริมทรัพย์ชนิดพเศษตามที่ระบุไว้ในมาตรา 1302 ได้แก่ เรือมี
               ระวางตั้งแต่ห้าตันขึ้นไป แพ และสัตว์พาหนะ เพราะสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีทะเบียนและอยู่ภายใต้

               บังคับมาตรา 1299 ที่ต้องทำตามแบบของกฎหมาย

                         2. กรณีการได้มาซึ่งทรัพย์สินหาย กล่าวคือ เจ้าของสังหาริมทรัพย์ทำทรัพย์สินหายแล้วมี

               ผู้เอาไปขาย ซึ่งผู้ซื้อโดยสุจริตและครอบครองทรัพย์อยู่ ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าเจ้าของเดิม เพราะเจ้า

               ของเดิมยังมิได้สละกรรมสิทธิ์ จึงต้องเป็นไปตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน เว้นแต่การซื้อใน

               ท้องตลาดหรือซื้อจากพอค้า หรือซื้อจากการขายทอดตลาด ซึ่งต้องบังคับตามเงื่อนไขของบทบัญญัติ
                                   ่
               แห่งมาตรา 1330 และมาตรา 1332 (มานิตย์  จุมปา.  2551 : 164)

                         3. กรณีการได้ซึ่งทรัพย์สินโดยการกระทำความผิด เช่น ความผิดฐานลักทรัพย์ ยักยอก

               ทรัพย์ เป็นต้น ซึ่งหากมีคนลักทรัพย์ไปแล้วเอาไปขายต่อ ผู้ซื้อแม้สุจริตไม่ทราบว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกลัก

                                                        ้
               มาและเสียค่าตอบแทน ก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ โดยจะอางว่าได้สิทธิตามมาตรา 1303 นี้ไม่ได้ จึงต้องเป็นไป
               ตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน (มานิตย์  จุมปา.  2551 : 164-165)

                         4. กรณีตามหลักผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน กล่าวคือ ถ้าผู้โอนให้ไม่มีสิทธิแล้ว แม้ผู้

               ครอบครองจะครอบครองอยู่ ก็ไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ได้รับทรัพย์มาจากผู้มีสิทธิ แต่มิได้ครอบครองทรัพย์สิน

               นั้น (มานิตย์  จุมปา.  2551 : 165) เช่น นายเพลิงซื้อนาฬิกาจากนายศิลา โดยนายศิลายังไม่ได้ส่ง

                                                                                            ั
               มอบนาฬิกาให้นายเพลิง แต่ปรากฏว่านายพายุได้หยิบเอานาฬิกาเรือนนั้นไปขายให้กับนายอคนีและ
   65   66   67   68   69   70   71   72   73   74   75