Page 36 - เล่ม 23 เกษตรผสมผสาน บ้านชบา
P. 36
ื
ั
�
ี
ิ
ี
ไก่ท้งตัว หากเล้ยงปลาและเล้ยงหมูก็ย่งไม่ต้องซ้ออาหารกิน จึงเกิดคาถามว่า ใกล้ชิด มีความเข้าใจในภูมิปัญญาท้องถิ่น จึงสามารถน�ามาปรับเปลี่ยนฟื้นฟู
ทาไมชาวบ้านถึงไม่ทาการผลิตอาหารการกินเอง ไม่ว่าจะเป็นพืชผักสวนครัว ระบบคุณค่าและภูมิปัญญาดังกล่าว โดยนาบทเรียนสาคัญของการดาเนินงาน
�
�
�
�
�
ผลไม้ ไก่ ปลา หมู รวมถึงการผลิตของใช้อื่น ๆ เช่น สบู่ ยาสระผม เป็นต้น พัฒนาแนวใหม่ ท่เน้นการเรียนรู้วัฒนธรรมท้องถ่น ค้นหาภูมิปัญญาชาวบ้าน
ิ
ี
ก็จะช่วยอุดรูรั่วจากรายจ่ายของครอบครัวที่เป็นภาระมากอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงได้มีการสืบค้นหาปราชญ์ผู้รู้ชาวบ้านที่มีความรู้เฉพาะด้านต่าง ๆ ซึ่ง
ึ
�
ผู้นาชุมชนบ้านชบาซ่งรวมถึงพระมงคลวชิรากร จึงได้คิดถึงการ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้น�า “ธรรมชาติ” แม้จะไม่มีต�าแหน่งผู้น�าทางการใด ๆ ใน
�
สนับสนุนให้ชาวบ้านชบาหันมาสนใจร่วมทาการเกษตรแบบผสมผสาน อัน หมู่บ้าน แต่ผู้นาธรรมชาติเหล่าน้จะเป็นกาลังสาคัญในการสนับสนุน
ี
�
�
�
ึ
เป็นค�าตอบที่ชาวบ้านและผู้น�าชุมชนบ้านชบาหลายคนได้กล่าวถึงว่าจะเป็น กระบวนการเรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้เร่องปัญหาต่าง ๆ ท่เกิดข้นกับชาวบ้าน
ื
ี
ทางเลือกหรือทางออกที่ดี การปลูกพืชหลายอย่างไปพร้อมกัน ไม่ปลูกเพียง เรียนรู้เหตุปัจจัยของปัญหา เรียนรู้หาทางแก้ไขปัญหาเพ่อการพ่งตนเองได้
ึ
ื
พืชชนิดใดชนิดหนึ่ง มีทั้งไม้ผล ไม้ยืนต้น พืชผักสวนครัว และมีการเลี้ยงสัตว์ ของคนในชุมชน ผ่านการแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากประสบการณ์การท�างานใน
ี
�
�
ิ
ี
�
ควบคู่กันไปด้วยในแปลงท่ทาเกษตรและท่อยู่อาศัย โดยอาจจะทาตามแนวคิด ท้องถ่นของผู้นาธรรมชาติแต่ละคน ด้วยภูมิปัญญาท้องถ่นและด้วยการมีชาว
ิ
ั
ิ
ี
ั
�
ื
ี
ี
้
ั
ทฤษฎใหม่บนพนฐานหลกปรชญาของเศรษฐกจพอเพยง ด้วยการปรบ บ้านเป็นกาลังสาคัญและยินดีเข้าร่วมกิจกรรม แนวทางเช่นน้ของศูนย์เรียนร ู้
�
ประยุกตการทาเกษตรไปตามความเหมาะสมของสภาพพนท ชาวบานชบาก ็ จะช่วยสนับสนุนให้ชุมชนบ้านชบามีความเข้มแข็งในกระบวนการพัฒนา
ื
ี
่
้
�
้
์
ิ
จะสามารถพ่งพาตนเองได้ สามารถลดรายจ่ายและมีโอกาสจะเพ่มรายได้จาก เกษตรผสมผสาน
ึ
�
�
การขายพืชผลที่ผลิตจากแปลงเกษตรผสมผสาน บ้านชบา ตาบลตาโกน อาเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นเสมือน
ทุกวันน้ชาวบ้านชบาควรจะคิดใคร่ครวญถึงประเด็นคาถามของพระ ตัวแทนของชุมชนเกษตรในภาคอีสาน ท่ได้รับผลกระทบมากจากกระบวนการ
ี
�
ี
ุ
ี
ิ
�
มงคลวชิรากรท่ว่า “ทาไมวันน้ชาวบ้านส่วนมากถึงได้ละท้งถ่นฐานบ้านเกิด พัฒนาการเกษตรแบบทนนิยม และส่งผลให้ชาวบ้านและชุมชนอยู่ในภาวะ
ี
ิ
ั
�
ึ
ี
เดินทางเข้าเมืองกรุง ไปร่อนเร่หางานทา วิถีชีวิตเช่นน้จะช่วยให้ชาวบ้านม ี พ่งพิงระบบบริโภคนิยมท่กาลังบ่นทอนและทาลายวิถีของการพ่งตนเอง พระ
ี
ึ
�
�
่
ความเป็นอยู่ท่ดีข้นจริงหรือ หรือมีแต่จะทาให้ชาวบ้านมีชีวิตท่ยาแย่ลง ม ี มงคลวชิรากรและสานักสงฆ์บ้านชบาซ่งเป็นศูนย์รวมความศรัทธาและเป็น
�
ี
ึ
�
ึ
ี
�
ปัญหาทั้งในด้านสุขภาวะและคุณภาพชีวิต แข่งขันกันหารายได้มาซื้อเขากิน ศูนย์กลางในการพัฒนาของชุมชนบ้านชบา จึงได้คิดทบทวนสถานการณ์
ึ
ั
�
ขยันอย่างไรก็ไม่ทาให้รวยข้นมาได้” เป็นการต้งคาถามมาจากความรู้ความ ปัญหาของชุมชนและส�ารวจรากฐานศักยภาพของชุมชน จนกระทั่งมองเห็น
�
เข้าใจถึงรากเหง้าปัญหาของชมชนบ้านชบา และมาจากทัศนะทวิพากษ์ แนวทางหน่งท่จะช่วยให้ชาวบ้านและชุมชนชบาหลุดพ้นจากวงจรวิกฤติทาง
ุ
ึ
ี
่
ี
วิจารณ์ต่อกระบวนการพัฒนาในปัจจุบัน ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ประจาในชุมชน เศรษฐกิจ ด้วยการเสนอให้มีการจัดต้งศูนย์เรียนรู้ชุมชนเกษตรผสมผสานพลัง
�
ั
พระมงคลวชิรากรได้ติดตามข้อมูลข่าวสารและสภาพปัญหาของชุมชนอย่าง บวร เพื่อเป็นสื่อการพัฒนา (change agent) ที่จะน�าพาชาวบ้านสามารถ
34 ศูนย์เรียนรู้ชุมชนเกษตรผสมผสานพลังบวร ภูเบศ วณิชชานนท์ และ พระมงคลวชิรากร 35
ส�ำนักสงฆ์บ้ำนชบำ อ�ำเภอเมืองจันทร์ จังหวัดศรีสะเกษ

